แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินมือเปล่าของโจทก์ จำเลยไปแจ้ง ส.ค.1 ว่าเป็นของจำเลย เมื่อศาลพิพากษาว่าที่ดินนั้นเป็นของโจทก์แล้ว ไม่จำเป็นต้องพิพากษาให้จำเลยไปดำเนินการขอถอนชื่อจำเลยจาก ส.ค.1 เพราะการแจ้ง ส.ค.1 ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยแจ้ง ส.ค.1 แทน แต่จำเลยกลับแจ้ง ส.ค.1 ในนามของจำเลยเอง ขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค.1 แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เมื่อการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.1 ไม่จำเป็น ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินตาม ส.ค.๑ เลขที่ ๑๐๔ เป็นของโจทก์ โจทก์ครอบครองตลอดมา พ.ศ.๒๔๙๗ โจทก์ให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรคนโตไปแจ้งการครอบครองแทน ต่อมาโจทก์ไปขอออกโฉนดจึงทราบว่าจำเลยแจ้งการครอบครองในนามของจำเลยเอง และจำเลยไม่ยอมถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.๑ จึงขอให้บังคับจำเลยไปถอนชื่อออกจาก ส.ค. ๑ และใส่ชื่อโจทก์แทน
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยได้มาโดยบิดายกให้ จำเลยแจ้ง ส.ค.๑ เป็นของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยไปแจ้ง ส.ค.๑ เพื่อตนเอง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยไปแจ้ง ส.ค.๑ แทนจำเลยแจ้งเอาเป็นของตนเอง พิพากษากลับให้จำเลยไปดำเนินการถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.๑ แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า โจทก์เป็นเจ้าของมีสิทธิครอบครองในที่พิพาทแต่เห็นว่า เมื่อศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการขอถอนชื่อจำเลยออกจาก ส.ค.๑ แล้วใส่ชื่อโจทก์แทน เพราะการแจ้ง ส.ค.๑ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้แจ้งแต่อย่างใด
พิพากษาแก้เป็นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์