คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นนายตรวจสรรพสามิตแต่สรรพสามิตจังหวัดสั่งให้จำเลยมาทำหน้าที่เสมียนประจำในแผนกสรรพสามิต โดยให้มีหน้าที่ทำบัญชีต่างๆ รับคำร้องขออนุญาตขายปลีกสุราจากราษฎรที่นำมายื่นขอรับอนุญาต เขียนใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 สำหรับขายปลีก จำเลยได้เขียนใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 สำหรับขายปลีกสุรา โดยจำเลยลงนามของจำเลยในช่องเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตเสียเองและจำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตไว้จากผู้ขอทุกครั้ง แต่จำเลยหานำเงินลงบัญชีและส่งมอบเงินนั้นแก่สรรพสามิตจังหวัดหรือสรรพสามิตผู้ช่วยไม่ กลับยักยอกเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 และเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา 231 ด้วย
(อ้างฎีกา 896/85,600/85,125/2490)
ใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 ไม่ใช่หนังสือสำคัญตามกฎหมายแต่เป็นแต่หนังสือแสดงการอนุญาตให้ขายสุราจึงเมื่อขออนุญาตก็ต้องมีค่าธรรมเนียมรวมอยู่ด้วย

ย่อยาว

ความว่า จำเลยเป็นนายตรวจสรรพสามิตประจำแผนกสรรพสามิตจังหวัดอุบลราชธานี แต่สรรพสามิตจังหวัดได้สั่งให้จำเลยมาทำหน้าที่เป็นเสมียนประจำในแผนกสรรพสามิตจังหวัด โดยมีหน้าที่ทำบัญชีต่าง ๆ รับคำร้องขออนุญาตขายปลีกสุราจากราษฎรที่นำมายื่นขออนุญาตเขียนใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 สำหรับขายปลีก ได้บังอาจเขียนใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 สำหรับขายปลีกสุราที่ทำขึ้นในราชอาณาจักร รวม741 ฉบับ โดยจำเลยลงนามของจำเลยในช่องตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตเสียเอง แล้วจำเลยได้มอบใบอนุญาตนั้นให้แก่ราษฎรผู้ยื่นคำร้องขออนุญาตไป และจำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตไว้จากผู้ขออนุญาตทุก ๆ ครั้ง จำเลยหาได้นำเงินลงบัญชีและส่งมอบเงินนั้นแก่สรรพสามิตจังหวัด หรือสรรพสามิตผู้ช่วยตามหน้าที่ของจำเลยไม่จำเลยได้ยักยอกเงินจำนวนนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียเป็น 1,809 บาท โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 222, 224, 225, 229, 230 ที่แก้ไขเพิ่มเติม กับคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่รัฐบาลด้วย จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยไม่มีผิดตามมาตรา 131, 229, 230 คงมีผิดตามมาตรา 224 คงจำคุก 2 ปี ลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี และใช้เงินแก่รัฐบาล ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่มีผิดตามมาตรา 131 และยังเห็นต่อไปว่าจำเลยไม่มีผิดตามมาตรา 224 พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในความผิดฐานปลอมหนังสือนั้น จำเลยมีหน้าที่เขียนหรือกรอกข้อความในใบอนุญาตขายสุราประเภท 4 นั้น จำเลยไม่มีอำนาจลงนามในช่องหรือในฐานะตำแหน่งเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตดังกล่าวนั้นเลย ทั้งนี้โดยจำเลยรู้อยู่ดีแล้วว่าตนไม่มีอำนาจจะทำได้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นใบอนุญาตที่แท้จริง การกระทำทั้งนี้ย่อมเกิดเสียหายและสามารถอาจเกิดเสียหายได้ จึงต้องฟังว่าเป็นความผิดฐานปลอมหนังสือโดยสมบูรณ์ จำเลยไม่ใช่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ จึงถือไม่ได้ว่าใบอนุญาตอยู่ในหน้าที่ของจำเลยเป็นผู้ทำตามตำแหน่งและใบอนุญาตนี้ไม่ใช่หนังสือสำคัญตามกฎหมาย เพราะเป็นแต่หนังสือแสดงการอนุญาตให้ขายสุราซึ่งเมื่อขออนุญาตก็ต้องมีค่าธรรมเนียมรวมอยู่ด้วย จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานปลอมหนังสือราชการตามมาตรา 224

ส่วนข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์นั้น ฟังได้ว่า จำเลยมีหน้าที่ในการออกใบอนุญาต ขายสุราประเภท 4 และมีหน้าที่รับเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแล้วลงบัญชี และนำเงินส่งเจ้าหน้าที่ตามระเบียบเมื่อจำเลยได้รับเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแล้ว ไม่ลงบัญชีและไม่นำส่ง กลับเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียดังนี้ ย่อมได้ชื่อว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ที่ท่านใช้ให้มีหน้าที่ปกครองรักษาเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131

พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา 131, 224 จำคุก 3 ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี 6 เดือน และให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์

Share