คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าจำเลยขอทุเลาการบังคับคดีศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ และนัดสอบถามจำเลยเรื่องให้ออกจากที่เช่า โจทก์จำเลยได้ยื่นคำแถลงต่อศาลร่วมกันว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกัน คือจำเลยยอมออกจากห้องพิพาทภายใน 3 เดือน ถ้าพ้นกำหนดนี้แล้วจำเลยยังไม่ออกจากห้องพิพาทจำเลยถือว่าได้ส่งคืนห้องให้แก่โจทก์แล้ว และยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเข้าอยู่ในห้องนี้ได้ทันที และโจทก์ขอให้งดสอบถาม ดังนี้คำแถลงของโจทก์จำเลยเป็นแต่เพียงตกลงกันยืดเวลาในการบังคับคดีไปเท่านั้นมิใช่เป็นการยอมออกตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันโจทก์จะนำมาฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยใหม่หาได้ไม่

ย่อยาว

ความว่า โจทก์ได้ฟ้องจำเลยในคดีนี้ต่อศาลแขวงพระนครใต้ขอให้ขับไล่ออกจากที่รายเดียวกันนี้ ศาลแขวงฯ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องเสีย โจทก์จำเลยได้ยื่นคำแถลงต่อศาลร่วมกันว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกัน คือจำเลยยอมออกจากที่พิพาทภายใน 3 เดือน แต่จำเลยมิได้ถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทรายเดียวกัน โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำหนังสือให้ความยินยอมว่าจะออกจากตึกเช่าภายใน 3 เดือนดังปรากฏตามสำนวนคดีแดง 48/2490 ของศาลแขวงใต้ ครบกำหนดแล้วจำเลยหาออกไม่ จำเลยต่อสู้ว่า (1) เป็นการฟ้องซ้ำ (2) หนังสือยอมของจำเลยทำตามคำสั่งศาล (3) คำยินยอมของจำเลยในคดีก่อนถูกศาลอุทธรณ์พิพากษายกเสียแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความดังกล่าวข้างต้นเห็นว่า คำแถลงของโจทก์จำเลยลงวันที่ 16 มิถุนายน 2490 ซึ่งได้ยื่นในคดีก่อนนั้นเป็นแต่เพียงเรื่องตกลงยืดเวลาในการบังคับคดีไปเท่านั้นมิใช่เป็นการยอมออกตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน โจทก์จะนำมาฟ้องร้องให้บังคับเป็นคดีขึ้นใหม่หาได้ไม่

พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share