แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่โจทก์ โดยอ้างเหตุจำเลยปลอมหนังสือมอบอำนาจไปใช้ดำเนินการจดทะเบียน แต่ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจไปจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืนแก่โจทก์ในคดีนี้ได้เพราะนอกประเด็นตามคำฟ้อง แม้จะฟังได้ว่า โจทก์ไม่ได้เป็นหนี้จำเลยและไม่ได้ขายที่ดินให้จำเลยเป็นการสมคบกันแสดงเจตนาลวงก็ตาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง รวม ๒ โฉนด คืนแก่โจทก์โดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมและค่าอากร หากไม่จดทะเบียนโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากไม่สามารถจดทะเบียนโอนไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ขายที่ดินพิพาทแก่จำเลยแล้ว ขอให้ยกฟ้องและขอให้โจทก์และบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแล้วส่งมอบคืนจำเลยในสภาพเรียบร้อย ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และชำระค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์และบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้และหนังสือสัญญาขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้จำเลย ลายมือชื่อในหนังสือดังกล่าว ไม่ใช่ลายมือชื่อโจทก์ จำเลยได้กรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทโดยมิชอบ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้โจทก์และบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเลขที่ ๓๖/๒๗ หมู่ที่ ๑๖ ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๓๔๔๗ กับที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๔๖๖๙ ตำบลบางแก้ว (สำโรงฝั่งเหนือ) อำเภอบางพลี (พระโขนง) จังหวัดสมุทรปราการ ให้โจทก์ชำระค่าเสียหายแก่จำเลยเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๕ เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์และบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านและที่ดินพิพาท กับให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๖๒,๕๐๐ บาท คำขอจำเลยนอกจากนี้ให้ยก ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๓๔๔๗ และที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๑๔๖๖๙ แก่โจทก์โดยให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมทั้งหมด หากไม่ไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และหากไม่สามารถโอนได้ด้วยเหตุใด ๆ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำนวน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้รวม ๘๐,๐๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยจดทะเบียนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่าลักโฉนดที่ดินพิพาท ปลอมหนังสือมอบอำนาจและใช้หนังสือมอบอำนาจปลอม จดทะเบียนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลย ประเด็นตามคำฟ้องเป็นประเด็นเดียวกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๔๘๘/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น ส่วนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๗๖๐/๒๕๓๙ ของศาลแขวงสมุทรปราการ เป็นคดีที่พนักงานอัยการฟ้องโจทก์ว่าแจ้งความเท็จ ประเด็นตามคำฟ้องคนละประเด็นกับคดีนี้ คดีนี้จึงมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาดังกล่าว หากแต่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๕๔๘๘/๒๕๓๙ ของศาลชั้นต้น ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ คดีอาญาดังกล่าวศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ลักทรัพย์ และโจทก์ยอมให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยด้วยเจตนาบางประการ โดยโจทก์ไม่ได้เป็นหนี้จำเลยและไม่ได้ขายที่ดินให้จำเลย เป็นการสมคบกันแสดงเจตนาลวง คดีนี้จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญาดังกล่าว โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่โจทก์ โดยอ้างเหตุว่าจำเลยปลอมหนังสือมอบอำนาจไปใช้ดำเนินการจดทะเบียน แต่ข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจไปจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทเป็นของจำเลย จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่โจทก์ในคดีนี้ได้ เพราะนอกประเด็นตามคำฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่า โจทก์ไม่ได้เป็นหนี้จำเลยและไม่ได้ขายที่ดินให้จำเลยเป็นการสมคบกันแสดงเจตนาลวงก็ตาม ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทกับชดใช้ค่าเสียหายนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าโจทก์ไม่ได้ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้แก่จำเลย การจดทะเบียนดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาลวง ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทจึงยังคงเป็นของโจทก์ จำเลยจึงไม่อาจขอให้ขับไล่โจทก์และให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.