คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 370/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชกฤษฎีกาที่รัฐบาลอาศัยอำนาจออกใช้โดยอาศัย พ.ร.บ.มอบอำนาจให้รัฐบาลในภาวะคับขันนั้น จะใช้บังคับเป็นกฎหมายได้แต่ฉะเพาะระหว่างเวลาที่มอบอำนาจให้ในภาวะคับขันเท่านั้น
เมื่อมี พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.มอบอำนาจให้รัฐบาลในภาวะคับขันนั้นแล้ว พระราชกฤษฎีกาที่อาศัยอำนาจก็สิ้นผลบังคับตามกฎหมาย
การกระทำซึ่งเป็นผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำผิดแต่ไม่มีผิดตามกฎหมายที่จะลงโทษขณะที่ศาลพิจารณา ต้องใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.8

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๔๘๗ จำเลยนำชิกแรต ๑๓๐ กระป๋องเท่ากับ ๖๕๐๐ มวนข้ามเขตต์จังหวัดตรังไปยังจังหวัดพังงาโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืนต่อประกาศกระทรวงพาณิชย์ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๔๘๖ และพระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำซิกาแรตออกนอกเขตต์ท้องที่บางแห่ง ๒๔๘๒ มาตรา ๓ และ ๔
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายที่โจทก์อ้าง ลงโทษปรับ ๒๐ บาทของกลางริบ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นเพียงผู้ซื้อแล้วให้ผู้อื่นนำไป ตัวจำเลยมิได้นำไปเอง ข้อหาก็มิใช่ความจริงพิพากษายกฟ้อง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า บัดนี้ได้มี พ.ร.บ.ยกเลิกกฎหมายบางฉะบับซึ่งใช้ในภาวะคับขัน พ.ศ. ๒๔๘๙ ให้ยกเลิก พ.ร.บ.มอบอำนาจให้รัฐบาลในภาวะคับขันนั้นเสีย แล้วแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๘๙ ฉะนั้น พระราชกฤษฎีกาควบคุมการนำซิกาแรตออกนอกเขตต์ท้องที่บางแห่ง พ.ศ. ๒๔๘๖ จึงเป็นอันสิ้นผลบังคับตามกฎหมาย การกระทำอันฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาที่กล่าวนี้ จึงไม่เป็นผิดตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป กรณีเรื่องนี้แม้การกระทำของจำเลยจำเป็นผิด ก็เป็นผิดตามกฎหมายของบ้านเมืองที่ใช้อยู่ในขณะกระทำผิด แต่ไม่มีผิดตามกฎหมายของบ้านเมืองในขณะศาลทำการพิจารณา ศาลจะต้องใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยตามนัยมาตรา ๘ กฎหมายลักษณะอาญา จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

Share