คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 766/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหน้าที่ ก.ต.ภ.ไปตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรที่โรงเลื่อยจักของจำเลยและได้สั่งให้จำเลยหยุดเดินเครื่องยนต์เพื่อความสะดวกในการตรวจการปฏิบัติงาน แต่จำเลยไม่ยอมและขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่หยุดเดินเครื่องยนต์นั้น เมื่อฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในโรงงานหรือไม่มาให้ถ้อยคำหรือขัดขวางไม่ให้ความสะดวกในการยึด+ แต่อย่างใดเพียงแต่จำเลยไม่ยอมหยุดเดินเครื่องยนต์และขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่หยุดเดินเครื่องยนต์เท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจเครื่องยนต์หรือตรวจไม้ที่กำลังแปรรูปอยู่ เจ้าหน้าที่จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จะให้จำเลยหยุดเดินเครื่องยนต์ หากเจ้าหน้าที่ประสงค์จะตรวจค้นหรือตรวจสอบบัญชีเอกสารหรือวัตถุใด ๆ ก็ย่อมทำได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกแก่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรและรายได้อื่นของรัฐ พ.ศ.2503 มาตรา 13

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๐๖ เวลากลางวันจ่าสิบตำรวจตรีสำราญ เวชวิมล กับพวกรวม ๗ คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากร และได้รับมอบหมายจากประธานกรรมการตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรให้ทำการปฏิบัติตามที่ตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรแล้ว ได้ไปทำการตรวจสอบการปฏิบัติงานเกี่ยวแก่ภาษีอากร ณ โรงแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจัก เจริญโชคดี ตามอำนาจหน้าที่โดยที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจำเลยกับพวกเป็นคนงานอยู่ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้สั่งให้จำเลยหยุดเครื่องยนต์เพื่อสะดวกในการตรวจการปฏิบัติงานแต่จำเลยกับพวกไม่ทำการหยุดเครื่องยนต์ตามคำสั่ง และขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำการหยุดเครื่องยนต์เป็นการไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษี ฯ พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๕, ๖, ๑๓
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง และโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงดังฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ก็ยังไม่เป็๋นความผิดตามพระราชบัญญัติที่โจทก์อ้าง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรและรายได้อื่นของรัฐ พ.ศ.๒๕๐๓ มาตรา ๑๓ บัญญัติไว้มีใจความว่า ผู้ใดขัดขวางหรือมิให้ความสะดวกแก่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปในเคหะสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อสอบถามบุคคลใด ๆ หรือตรวจสอบ ตรวจค้นบัญชีเอกสารหรือวัตถุใด ๆ หรือขัดขวางในการยึดอายัดบัญชี เอกสารหรือวัตถุใด ๆ หรือไม่มาให้ถ้อยคำหรือไม่ส่งบัญชีเอกสารหรือวัตถุใด ๆ เป็นความผิดต้องระวางโทษจำคุกนั้น
ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ขัดขวางไม่ให้ความสะดวกเจ้าหน้าที่เข้าไปในโรงงาน หรือไม่มาให้ถ้อยคำแก่เจ้าหน้าที่ หรือขัดขวางไม่ให้ความสะดวกในการยึดแต่อย่างใด จำเลยเพียงแต่ไม่ยอมหยุดเดินเครื่องยนต์และขัดขวางไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่หยุดเดินเครื่องยนต์เท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจเครื่องยนต์หรือตรวจไม้ที่กำลังแปรรูปอยู่ เจ้าหน้าที่จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จะให้จำเลยหยุดเดินเครื่องยนต์ หากเจ้าหน้าที่ประสงค์จะตรวจค้นหรือตรวจสอบบัญชีเอกสาร หรือวัตถุใด ๆ ก็ย่อมทำได้ การให้หยุดเดินเครื่องยนต์ ก็เท่ากับให้หยุดงาน ซึ่งอาจเกิดความเสียหายแก่เจ้าของโรงงานได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการขัดขวางหรือไม่ให้ความสะดวกแก่กรรมการหรือเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติตรวจสอบการปฏิบัติเกี่ยวแก่ภาษีอากรและรายได้อื่นของรัฐ พ.ศ..๒๕๐๓ มาตรา ๑๓ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share