แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินของวัดปลูกบ้านอยู่อาศัยหากได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการกระทำของจำเลยและได้รับความเดือดร้อนเป็นพิเศษโจทก์ก็อยู่ในฐานะที่จะฟ้องให้ขจัดความเดือดร้อนเป็นพิเศษนั้นได้เพราะเป็นเจ้าของบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าวและบ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์จึงเข้ากรณีที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1337
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่าและครอบครองที่ดินของวัดใหญ่เป็นรายปี เนื้อที่ประมาณ 49 ตารางวา เป็นเวลาติดต่อกันมาหลายปีแล้วได้ทำสัญญาเช่าครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์2530 ที่ดินที่เช่าด้านทิศตะวันออกจดคลองแม่กลอง โจทก์ใช้ที่ดินปลูกบ้านหันหน้าบ้านลงคลองแม่กลอง ซึ่งเป็นคลองสาธารณะได้ครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินชายตลิ่งริมคลองแม่กลองบริเวณหน้าบ้านโจทก์เป็นท่าน้ำขึ้นลง จอดเรือ รับอากาศและแสงสว่างเมื่อประมาณ 4-5 ปี มานี้ จำเลยกับบริวารได้เข้าไปปลูกเพิงในชายตลิ่งหน้าบ้านโจทก์ดังกล่าวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยตัวเพิงกีดขวางบังหน้าบ้านโจทก์ ปิดบังทางลม แสงสว่าง ปิดบังทิวทัศน์และทำให้ไม่อาจใช้ท่าน้ำลงได้โดยสะดวก เป็นเหตุให้โจทก์ขาดความสะดวกสบาย ขาดความสำราญ เสียสุขภาพอนามัย และบริวารของจำเลยได้ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่โจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นการรบกวนสิทธิแย่งการครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ที่โจทก์ครอบครองอยู่ก่อน ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่โจทก์โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยและบริวารอยู่กระทำการดังกล่าวต่อไปได้บอกกล่าวให้จำเลยและบริวารรื้อเพิงออก จำเลยไม่ยอมรื้อขอให้บังคับจำเลยและบริวารระงับการรบกวนใช้สิทธิครอบครองที่ดินให้รื้อถอนเพิงออกไปให้พ้นที่ดินชายตลิ่งหน้าที่ดินที่โจทก์เช่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า การปลูกเพิงของจำเลยไม่เป็นการแย่งการครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนเพิงออกไปให้พ้นที่ดินริมคลองแม่กลองหน้าที่ดินที่โจทก์เช่ากับวัดใหญ่ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาครให้จำเลยและบริวารระงับการก่อกวนใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่โจทก์เช่าห้ามเกี่ยวข้อง
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินวัดใหญ่ ตำบลแม่กลองอำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ปลูกบ้านอยู่อาศัยมาหลายปี แต่ต้องทำสัญญาเช่าเป็นรายปี ที่ดินที่โจทก์เช่าอยู่ติดคลองแม่กลองซึ่งเป็นคลองสาธารณะ บ้านที่โจทก์ปลูกหันหน้าไปทางคลอง โจทก์ใช้ที่ริมตลิ่งหน้าบ้านเป็นท่าขึ้นลงและจอดเรือจำเลยก็ปลูกบ้านอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับบ้านโจทก์ แต่ได้นำเรือมาจอดที่หน้าบ้านโจทก์มานานประมาณ 10 ปีแล้ว ต่อมาจำเลยปลูกเพิงในบริเวณที่จอดเรือซึ่งอยู่ห่างจากบ้านโจทก์ประมาณ 4 วาเป็นที่ชายตลิ่งอยู่ในความดูแลของกรมเจ้าท่า โจทก์เคยฟ้องขับไล่จำเลย อ้างว่าจำเลยอาศัย ศาลพิพากษาฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ มีข้อที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดินวัดใหญ่ ปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยจะมีสิทธิเช่นเดียวกับผู้เป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 537 หรือไม่ เห็นว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายว่าเพิงที่จำเลยปลูกอยู่ที่ชายตลิ่งหน้าบ้านโจทก์กีดขวางบังหน้าบ้านโจทก์ปิดบังทางลม แสงสว่าง ปิดบังทิวทัศน์ และทำให้โจทก์ไม่อาจใช้ท่าน้ำขึ้นลงได้โดยสะดวก เป็นเหตุให้โจทก์ขาดความสะดวกสบายขาดความสำราญเสียสุขภาพอนามัย ขอให้จำเลยรื้อเพิงดังกล่าวเป็นการขอให้ขจัดความเดือดร้อนรำคาญ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 แต่ในขณะเดียวกันก็มีลักษณะให้จำเลยยุติการกระทำที่เป็นละเมิดต่อโจทก์ด้วย แม้โจทก์จะเป็นเพียงผู้เช่าที่ดินของวัดใหญ่ปลูกบ้านอยู่อาศัย หากได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากการกระทำของจำเลย และได้รับความเดือดร้อนเป็นพิเศษโจทก์ก็อยู่ในฐานะที่จะฟ้องให้ขจัดความเดือดร้อนเป็นพิเศษนั้นได้เพราะเป็นเจ้าของบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าว และบ้านเป็นอสังหาริมทรัพย์จึงเข้ากรณีที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 โจทก์จึงมีสิทธิฟ้อง”
พิพากษายืน