คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 มิได้มีบทบัญญัติในมาตราใดที่บังคับว่าโจทก์จะต้องร้องทุกข์ในเรื่องมาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจต่อคณะกรรมการการสัมพันธ์พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวเสียก่อนแล้วจึงจะนำคดีมาฟ้องต่อศาลได้ดังนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการดังกล่าว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลได้ การที่จำเลยให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เรื่องมาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534ข้อ 45 วรรคสอง จำเลยไม่ได้กำหนดล่วงหน้าให้โจทก์ทั้งหกหยุดพักผ่อนประจำปีในวันเวลาใดตามที่กำหนดในระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จึงถือไม่ได้ว่าการที่โจทก์ทั้งหกไม่ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี เป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต โจทก์ทั้งหกจึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ไม่ได้ลาหยุดตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

ย่อยาว

คดีทั้งหกสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6
โจทก์ทั้งหกสำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ที่ 2 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2534 และเลิกจ้างโจทก์ที่ 1 ที่ 3 ถึงที่ 6 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2535 เนื่องจากเกษียณอายุในการทำงานจำเลยกำหนดระเบียบเกี่ยวกับวันหยุดพักผ่อนประจำปีว่าพนักงานที่ทำงานติดต่อกันเกินกว่า 10 ปีมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 12 วัน หากปีใดหยุดไม่ครบก็มีสิทธินำวันหยุดพักผ่อนประจำปีไปสะสมหยุดในปีถัดไปได้ แต่ทั้งนี้รวมแล้วต้องไม่เกิน20 วัน ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้กำหนดให้โจทก์ทั้งหกหยุดพักผ่อนประจำปีเมื่อจำเลยเลิกจ้าง โจทก์ทั้งหกจึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี แต่จำเลยไม่จ่าย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ทั้งหก
จำเลยทั้งหกสำนวนให้การว่า จำเลยเป็นรัฐวิสาหกิจเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2494 โจทก์ทั้งหกพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเกษียณอายุเป็นการขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 9(2), 11ไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างโจทก์ทั้งหกพ้นจากตำแหน่งในขณะที่พระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2534 ใช้บังคับต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายดังกล่าว ซึ่งให้อำนาจคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์กำหนดมาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ และคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ได้ออกระเบียบเรื่องมาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534 ข้อ 21ให้รัฐวิสาหกิจจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี เมื่อได้เลิกจ้างพนักงานโดยที่พนักงานมิได้มีความผิดตามข้อ 46 จำเลยมิได้เลิกจ้างโจทก์ทั้งหก การที่โจทก์ทั้งหกพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุเกษียณอายุ มีสิทธิได้รับเพียงเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานหากได้ปฏิบัติงานในช่วงก่อนเกษียณอายุติดต่อกันครบห้าปีขึ้นไปโจทก์ทั้งหกไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจำเลยไม่ได้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีเพราะให้สิทธิโจทก์ทั้งหกจะลาวันใดก็ได้ แต่โจทก์ทั้งหกไม่ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีด้วยความสมัครใจเอง ทั้งที่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเกษียณอายุ การฟ้องเรียกค่าจ้างดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ทั้งหกไม่มีอำนาจฟ้อง และศาลแรงงานกลางไม่มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดคดีนี้เนื่องจากระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534 ข้อ 50 กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานของสิทธิประโยชน์เสนอปัญหาต่อคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานกลางขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางส่งสำนวนให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัย อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งหกมีอำนาจฟ้อง การที่จำเลยให้โจทก์ทั้งหกออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้างจำเลยต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้โจทก์ทั้งหกพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ทั้งหก
จำเลยทั้งหกสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยอุทธรณ์ข้อแรกว่า โจทก์ทั้งหกไม่มีอำนาจฟ้อง ทั้งนี้เพราะมีข้อโต้แย้งว่าโจทก์ทั้งหกมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่ ซึ่งตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534 โจทก์จะต้องร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ตามพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์พ.ศ. 2534 เสียก่อน เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ไม่มีบทบัญญัติในมาตราใดที่บังคับว่าโจทก์ทั้งหกจะต้องร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ดังที่จำเลยอุทธรณ์กล่าวอ้างแต่อย่างใดสำหรับมาตรา 18(2) ที่บัญญัติว่า “ให้คณะกรรมการกิจการสัมพันธ์มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ ฯลฯ (2) พิจารณาคำร้องทุกข์ของพนักงานหรือของสมาคมเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในข้อบังคับของรัฐวิสาหกิจนั้น” ก็คงมีความหมายเพียงว่า ถ้าโจทก์ทั้งหกได้ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ในเรื่องเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ก็ให้คณะกรรมการกิจการสัมพันธ์มีอำนาจพิจารณาคำร้องทุกข์นั้นได้ แต่หาได้มีความหมายว่า ถ้าโจทก์ทั้งหกไม่ได้ร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์แล้ว โจทก์ทั้งหกจะนำคดีมาฟ้องศาลไม่ได้ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง อุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยอุทธรณ์ข้อต่อไปว่า การที่จำเลยให้โจทก์ทั้งหกออกจากงานเพราะเหตุเกษียณอายุ มิใช่การเลิกจ้าง แต่เป็นการให้ออกจากงานเพราะผลบังคับของกฎหมายคือ พระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และการที่โจทก์ทั้งหกไม่ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งหกจึงไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534 ข้อ 21 เห็นว่าระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2534 ข้อ 45 วรรคสองบัญญัติว่า “การเลิกจ้างตามข้อนี้ หมายความว่า การที่รัฐวิสาหกิจให้ออกจากงาน ปลดออกจากงาน หรือไล่ออกจากงานโดยที่พนักงานไม่ได้กระทำความผิดตามข้อ 46 ฯลฯ” ซึ่งไม่มีข้อยกเว้นไว้เป็นพิเศษแก่กรณีที่พนักงานรัฐวิสาหกิจต้องออกจากงานเพราะเหตุขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจฯ หรือเพราะเกษียณอายุแต่อย่างใด ดังนั้นการที่จำเลยให้โจทก์ทั้งหกออกจากงานเมื่อโจทก์ทั้งหกมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์หรือเกษียณอายุ จึงต้องถือว่าเป็นการเลิกจ้างตามข้อ 45 วรรคสองดังกล่าว ส่วนการที่โจทก์ทั้งหกไม่ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีนั้น เห็นว่าจำเลยไม่ได้กำหนดล่วงหน้าให้โจทก์ทั้งหกหยุดพักผ่อนประจำปีในวันเวลาใดตามที่กำหนดในระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจพ.ศ. 2534 ข้อ 8 จึงถือไม่ได้ว่า การที่โจทก์ทั้งหกไม่ใช้สิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์ทั้งหกจึงมีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปี ตามระเบียบคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานของสิทธิประโยชน์ของพนักงานรัฐวิสาหกิจพ.ศ. 2534 ข้อ 21 อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้น แต่เนื่องจากคดีนี้โจทก์ที่ 2 ฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจากจำเลยเพียง 7,531 บาท และศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน8,668 บาท จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องโดยศาลแรงงานกลางมิได้อ้างเหตุผลความเป็นธรรมแก่คู่ความแต่ประการใดไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานกลางและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 52 ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไข”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 7,531 บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share