คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3169/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่าLAT และ LOUISTAPE ใช้กับสินค้ากาวเทปอันเป็นสินค้าจำพวกที่ 50 โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว แต่นายทะเบียนให้รอการจดทะเบียนไว้เพราะเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า LOUISTAPEของจำเลยซึ่งยื่นคำขอจดทะเบียนไว้เพื่อใช้กับสินค้าการเทปเช่นเดียวกันกับสินค้าของโจทก์นั้น เป็นกรณีที่มีบุคคลหลายคนต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอันเดียวกัน หรือเกือบเหมือนกัน ใช้สำหรับสินค้าเดียวกันและต่างร้องขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น อันเป็นการที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่ากันตามมาตรา 17 แห่ง พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาท หาใช่การที่โจทก์นำคดีมาสู่ศาลตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันอันโจทก์จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนแห่งบทบัญญัติมาตราดังกล่าวโดยการคัดค้านก่อนและให้โอกาสแก่จำเลยผู้ขอจดทะเบียนก่อนโต้แย้งคำคัดค้านของโจทก์ไม่ การที่โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า LAT และLOUISTAPE กับสินค้าเทปกาวมาตั้งแต่ปี 2518 และได้โฆษณาแพร่หลายซึ่งสินค้าโจทก์ แต่จำเลยเพิ่งนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์มาใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าโจทก์ในปี 2531ทั้งจำเลยเคยเป็นกรรมการของบริษัทโจทก์มาก่อน จำเลยย่อมทราบถึงการที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นอย่างดีเช่นนี้ ต้องถือว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลยและการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ประเด็นที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ ถือว่าเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรกศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า LAT และ LOUIS ตามคำขอจดทะเบียนของโจทก์และจำเลยดีกว่าจำเลยแต่มิได้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้นเป็นการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(5),243(1),246 และ 247 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าจำเลยคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยย่อมตกไปในตัวไม่จำต้องพิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนดังกล่าวอีกศาลฎีกาแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า LAT ซึ่งเป็นชื่อย่อของบริษัทโจทก์ และ LOUIS TAPE ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชื่อบริษัทโจทก์ ใช้กับสินค้าผลิตภัณฑ์กาวเทปอันเป็นสินค้าในจำพวกที่ 50 มากว่า 10 ปี ได้จำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวแพร่หลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2531 โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า แต่ได้รับแจ้งว่าเครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของจำเลย ให้รอการจดทะเบียนไว้ก่อนการที่จำเลยนำคำว่า LOUIS TAPE ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพื่อใช้กับสินค้าจำพวกที่ 50 สำหรับสินค้ากาวเทปเช่นเดียวกันเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต เพราะจำเลยเคยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทโจทก์ย่อมรู้ว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ อันอาจทำให้ประชาชนหลงผิดและทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย ให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยเป็นกรรมการบริษัทโจทก์โจทก์ไม่ใช่เจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่า LAT และ LOUIS TAPEเพราะจำเลยเป็นผู้ประดิษฐ์คำว่า LOUIS TAPE ใช้กับสินค้าเทปกาวมาก่อนโจทก์ จำเลยนำคำว่า LOUIS TAPE ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย โจทก์ไม่ได้คัดค้านจำเลยจึงมีสิทธิดีกว่าโจทก์ และคำว่า LOUIS TAPE เป็นคำสามัญโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนเครื่องหมายการค้าของจำเลยและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 22 โดยโจทก์มิได้ยื่นคัดค้านคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าก่อน กลับนำคดีมาสู่ศาลในทันทีขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์มิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าพ.ศ. 2474 มาตรา 22 โดยการคัดค้านก่อน และให้โอกาสแก่จำเลยผู้ขอจดทะเบียนก่อนโต้แย้งคำคัดค้านของโจทก์นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าคำว่าLAT และ LOUIS TAPE ใช้กับสินค้ากาวเทปอันเป็นสินค้าจำพวกที่ 50 โจทก์ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวแต่นายทะเบียนให้รอการจดทะเบียนไว้เพราะเครื่องหมายการค้าของโจทก์เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า LOUIS TAPE ของจำเลยซึ่งยื่นคำขอจดทะเบียนไว้เพื่อใช้กับสินค้ากาวเทปเช่นเดียวกันกับสินค้าของโจทก์นั้นเป็นกรณีที่มีบุคคลหลายคนต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าอันเดียวกันหรือเกือบเหมือนกัน ใช้สำหรับสินค้าเดียวกัน และต่างร้องขอจดทะเบียนเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นอันเป็นการที่โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์หรือจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่ากัน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะเกิดข้อพิพาท หาใช่การที่โจทก์นำคดีมาสู่ศาลตามมาตรา 22แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันดังที่จำเลยฎีกาไม่ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่าLOUIS TAPE ดีกว่าโจทก์นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ได้ใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า LAT และ LOUIS TAPE กับสินค้าเทปกาวมาตั้งแต่ปี2518 และได้โฆษณา แพร่หลายซึ่งสินค้าโจทก์ แต่จำเลยเพิ่งนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของโจทก์มาใช้กับสินค้าชนิดเดียวกันกับสินค้าโจทก์ในปี 2531 ทั้งจำเลยเคยเป็นกรรมการของบริษัทโจทก์มาก่อน จำเลยย่อมทราบถึงการที่โจทก์ใช้เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นอย่างดี เช่นนี้ ต้องถือว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย และการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต
ข้อที่จำเลยอ้างว่า สินค้าที่จำเลยผลิตโดยใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทมิได้ทำให้โจทก์เสียหาย และจำเลยได้ผลิตสินค้าซึ่งมีคุณภาพดีไม่น้อยกว่าบริษัทโจทก์ ทั้งยังระบุถึงแหล่งกำเนิดของสินค้าอย่างชัดแจ้ง ไม่ก่อให้เกิดความสับสนหลงผิดแก่ผู้ใช้สินค้านั้นจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า LAT และ LOUIS TAPE ดีกว่าจำเลย แต่มิได้พิพากษาว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวกว่าจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็เห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5), 243(1),246 และ 247
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าพิพาทดีกว่าจำเลย คำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยย่อมตกไปในตัว กรณีไม่มีเหตุจำต้องพิพากษาให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนดังกล่าวอีก ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขส่วนนี้เสียให้ถูกต้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่าLAT และ LOUIS TAPE ดีกว่าจำเลย ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย

Share