แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกและชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ 1 เส้น และ เงินสดของ ส. ผู้เสียหายได้ความว่าเงินสดที่ถูกจำเลยกับพวกชิงไปนั้นไม่ใช่ของผู้เสียหายแต่เป็นของ จ. บิดาผู้เสียหาย เช่นนี้จึงจะบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแทนเงินสดดังกล่าวแก่ผู้เสียหายไม่ได้ แต่มีคำสั่งให้คืนหรือใช้แก่ จ. บิดาผู้เสียหายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันบุกรุกไ ปบนบ้านแล้วชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำ 1 เส้น ราคา 4,000 บาท กับเงินสดอีก 1,200 บาทรวมราคา 5,800 บาท ของนางสาวสมทรง ผู้เสียหาย ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 83 กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์5,800 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามฟ้อง จำคุก 10 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 5,800 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นคนร้ายร่วมกับพวกชิงทรัพย์ตามฟ้องไป แต่เงิน 1,800 บาทเป็นของนายจันทร์บิดาผู้เสียหาย
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า
พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 5,800 บาทนั้น ได้ความว่าสร้อยคอของผู้เสียหายที่ถูกชิงทรัพย์ไปมีราคา 4,000 บาท ส่วนเงินสด 1,800 บาทเป็นของบิดาผู้เสียหายจึงบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแทนเงินสดแก่ผู้เสียหายด้วยไม่ได้ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 4,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ส่วนเงินสด 1,800 บาทนั้นให้คืนหรือใช้ราคาแก่นายจันทร์ บิดาผู้เสียหาย