คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19144/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อที่ว่ากันมาแล้วหรือมิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากคำฟ้อง คำให้การ และประเด็นข้อพิพาทในคดีเป็นสำคัญ ไม่ใช่พิจารณาจากข้อเท็จจริงและการนำสืบพยานหลักฐานในชั้นพิจารณา ทั้งจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ แม้ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีจะกล่าวพาดพิงถึงเรื่องอายุความตามที่จำเลยอ้างมาในฎีกาก็ตาม แต่เมื่อมิได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น อีกทั้งปัญหาเรื่องอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องคดีแพ่งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 274,228 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 เมษายน 2547 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 274,228 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 2 เมษายน 2547 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 6,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ทั้งหมดให้แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงประการเดียวว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเกี่ยวกับเรื่องอายุความเพราะจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นต่อสู้ในคำให้การนั้น ชอบหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงในสำนวนคดีทั้งหมดสามารถสรุปถึงเรื่องของอายุความได้ จึงถือว่าได้ยกเรื่องอายุความขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้น เห็นว่า ข้อที่ว่ากันมาแล้วหรือมิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นหรือไม่ จะต้องพิจารณาจากคำฟ้อง คำให้การ และประเด็นข้อพิพาทในคดีเป็นสำคัญ ไม่ใช่พิจารณาจากข้อเท็จจริงและการนำสืบพยานหลักฐานในชั้นพิจารณา ทั้งจำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ แม้ข้อเท็จจริงในสำนวนคดีจะกล่าวพาดพิงถึงเรื่องอายุความตามที่จำเลยอ้างมาในฎีกาก็ตาม แต่เมื่อไม่ได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้ จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น อีกทั้งปัญหาเรื่องอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องคดีแพ่งมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ในข้อนี้ จึงชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share