แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยิงผู้ตายเพราะผู้ตายจะใช้มีดแทง จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัว แต่แม้จำเลยจะไม่มีหน้าที่ต้องหนีการที่จำเลยมีอาวุธปืนที่ร้ายแรงกว่า จำเลยอาจเลือกยิงร่างกายส่วนที่สำคัญน้อยหรือเป็นอันตรายน้อยเพียงเพื่อยับยั้งผู้ตาย แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนเล็งยิงไปที่ใบหน้า จึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๘ ทวิ , ๗๒ ทวิ ป.อ. มาตรา ๓๒ , ๙๑ , ๒๘๘ ,๓๗๑ ริบของกลาง
จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน และรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ให้ปรับจำเลยในความผิดฐานพาอาวุธปืน ๔,๐๐๐ บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง แล้วคงปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี ตาม ป.อ. มาตรา ๕๖ ไม่ชำระค่าปรับจัดการตาม ป.อ. มาตรา ๒๙ , ๓๐ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ความผิดฐานพาอาวุธปืนเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๘ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันเกิดเหตุผู้ตายนำต้นไม้ไปปลูกตามแนวเขตที่ดินด้านที่ติดต่อที่ดินจำเลย เวลาประมาณ ๑๗.๓๐ นาฬิกา ขณะที่ผู้ตายยืนอยู่กับนายอำนวย จำเลยออกจากบ้านไปที่ที่ดินของผู้ตาย มีการโต้เถียงกันเรื่องแนวเขตที่ดิน จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ๑ นัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วจำเลยหลบหนีไป มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยป้องกันหรือไม่ โจทก์มีนายอำนวยเบิกความเป็นพยานว่า จำเลยกับผู้ตายโต้เถียงกันเรื่องผู้ตายปลูกมะพร้าว ขณะนั้นทั้งสองยืนห่างกันประมาณ ๓ เมตร พยานยืนกั้นกลางพยายามพูดห้ามปรามแต่ทั้งคู่ไม่ฟัง ผู้ตายชักมีดจากเอวเดินเข้าหาจำเลย จำเลยจึงชักอาวุธปืนเล็งยิงไป ๑ นัด พยานโจทก์ปากนี้เป็นประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น คำเบิกความมีน้ำหนักน่าเชื่อ พนักงานสอบสวนทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุคดีอาญา ระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ผู้ตายจะใช้มีดปลายแหลมแทงจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิง เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์เป็นดังนี้จึงรับฟังได้ว่า จำเลยยิงผู้ตายเพราะผู้ตายใช้มีดแทง การที่ผู้ตายจะใช้มีดแทงจำเลยถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัว แต่เห็นว่าแม้จำเลยจะไม่มีหน้าที่ต้องหนี แต่จำเลยมีอาวุธปืนที่ร้ายแรงกว่า จำเลยอาจเลือกยิงร่างกายส่วนที่สำคัญน้อยหรือเป็นอันตรายน้อยเพียงเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้เข้ามาใช้มีดแทง แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนเล็งยิงไปที่ใบหน้า จึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันตาม ป.อ. มาตรา ๖๙ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ ให้จำคุก ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๘.