แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ผู้ตายชอบดื่มสุราแล้วก่อเหตุวิวาทเป็นประจำ เคยถูกจำคุกฐานเมาสุราทำร้ายผู้อื่นและยังก่อคดีทำร้ายผู้อื่นอีก 2 คดีแล้วมาก่อเหตุคดีนี้ก็เป็นเหตุการณ์เรื่องอื่น มิใช่เหตุในคดีนี้จึงมิใช่มูลกรณีที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสามถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 จำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพขายสุรา ลาบ และส้มตำ การที่ผู้ตายซึ่งเป็นลูกค้าดื่มสุราแล้วมึนเมาก่อเหตุกวาดสิ่งของบนโต๊ะและล้มโต๊ะ เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ร้านขายสุราและอาหารประสบอยู่เสมอ มิใช่เป็นการข่มเหงจำเลยที่ 1 อย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก, 83 วางโทษจำคุกคนละ 3 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 72 กำหนดโทษจำคุกคนละ 1 ปี จำเลยทั้งสามช่วยค่าทำศพแก่บิดาผู้ตายเป็นการบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด ถือเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้งสามคนคนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 8 เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า คืนเกิดเหตุผู้ตายกับพวกนั่งดื่มสุราที่ร้านขายลาบและส้มตำของจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 นั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง ผู้ตายเมาสุราใช้มือกวาดแก้วตกจากโต๊ะและล้มโต๊ะจำเลยทั้งสามไม่พอใจเข้ารุมทำร้ายผู้ตายเกิดการต่อสู้กันจำเลยที่ 1 ใช้เก้าอี้ตีทำร้ายผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 เข้าล๊อกคอผู้ตายไว้ เมื่อผู้ตายล้มลงจำเลยที่ 3 เข้ากระทืบผู้ตายซ้ำอีกผู้ตายล้มศีรษะฟาดพื้น น้องชายของผู้ตายเข้าห้ามปรามและพาผู้ตายกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นผู้ตายถึงแก่ความตาย คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเอาเหตุบันดาลโทสะมาวินิจฉัยก็เพราะเห็นว่า ผู้ตายชอบดื่มสุราแล้วก่อเหตุวิวาทเป็นประจำ ผู้ตายเคยถูกจำคุกฐานเมาสุราทำร้ายผู้อื่นและยังก่อคดีทำร้ายผู้อื่นอีก 2 คดี แล้วมาก่อเหตุคดีนี้ ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ตายจะมีพฤติกรรมดังกล่าวก็ตาม ก็เป็นเหตุการณ์ในเรื่องอื่น มิใช่เหตุในคดีนี้ จึงมิใช่มูลกรณีที่จะถือได้ว่าจำเลยทั้งสามถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพขายสุรา ลาบ และส้มตำ การที่ผู้ตายซึ่งเป็นลูกค้าดื่มสุราแล้วมึนเมาก่อเหตุกวาดสิ่งของบนโต๊ะและล้มโต๊ะเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ร้านขายสุราและอาหารประสบอยู่เสมอมิใช่เป็นการข่มเหงจำเลยที่ 1 อย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอันเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะแต่อย่างใด
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น