คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 191/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อ พ.ยกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพื่อใช้ทำถนน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่จะถือได้ว่าเป็นการสงวนสิทธิไว้อีก ย่อมเป็นการสละการครอบครองที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 การที่จำเลยยังไม่ตัดถนนผ่านที่พิพาทหรือตัดถนนผ่านที่พิพาทไม่หมดทั้งแปลงและภายหลังโจทก์ได้ซื้อที่ดินมีโฉนดของ พ.แล้วเข้าครอบครองที่พิพาทต่อจาก พ.ก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทในอันที่จะเรียกคืนที่พิพาทจากจำเลยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนที่พิพาทให้โจทก์เนื่องจากจำเลยไม่ได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินตามเงื่อนไขที่ผู้ยกให้กำหนด โจทก์เป็นทายาทของผู้ยกให้ และได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตลอดมาจึงมีสิทธิขอคืนตามมติคณะรัฐมนตรี
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นทางสาธารณประโยชน์และเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองได้เข้าไปยึดถือครอบครองทำรั้วรอบที่พิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการละเมิดสิทธิของจำเลย ขอให้ยกฟ้องให้โจทก์และบริวารออกจาที่พิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หากแต่เป็นที่มรดกยายของโจทก์ ซึ่งต่อมาตกเป็นของนางสาวพรมมา อุดมดี น้าของโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์และบริวารรื้อถอนรั้วรอบที่พิพาทและออกไปจากที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเดิมเป็นดินส่วนหนึ่งที่นางสาวพรมมา อุดมดี มีสิทธิครอบครอง นางสาวพรมมายกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพื่อใช้ทำถนน แต่จำเลยยังไม่ได้ทำถนน ต่อมานางสาวพรมมาแจ้งการครอบครองที่ดินโดยเว้นที่พิพาทที่ยกให้แก่จำเลยไว้ ตอนขอออกโฉนดที่ดินก็เว้นส่วนที่เป็นที่พิพาทไว้ด้วย แต่นางสาวพรมมาครอบครองที่พิพาทตลอดมา เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินส่วนที่มีโฉนดจากนางสาวพรมมา โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทต่อมาอีกและขอออกโฉนดสำหรับที่พิพาทจำเลยคัดค้าน โจทก์ขอที่พิพาทคืน จำเลยไม่ยอมคืนให้ ดังนี้ เห็นว่าเมื่อนางสาวพรมมายกที่พิพาทให้แก่จำเลยเพื่อใช้ทำถนนนั้น เป็นการสละการครอบครองที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ และการที่นางสาวพรมมายกที่พิพาทให้แก่จำเลยก็เป็นการสละการครอบครองโดยเด็ดขาด โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ที่จะถือได้ว่าเป็นการสงวนสิทธิไว้อีก ดังจะเห็นได้จากการที่นางสาวพรมมากันที่พิพาทไว้ต่างหาก ไม่ได้แจ้งสิทธิครอบครองและขอออกโฉนดที่ดินรวมที่พิพาทเข้าไว้ด้วย การที่จำเลยยังไม่ตัดถนนผ่านที่พิพาทหรือตัดถนนผ่านที่พิพาทไม่หมดทั้งแปลง และภายหลังโจทก์ได้ซื้อที่ดินมีโฉนดของนางสาวพรมมาแล้วเข้าครอบครองที่พิพาทต่อจากนางสาวพรมมาก็หาทำให้โจทก์มีสิทธิใด ๆ ในที่พิพาทในอันที่จะเรียกคืนที่พิพาทจากจำเลยได้
พิพากษายืน.

Share