คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันซึ่งจำเลยทำต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันหนี้ของ ส. จำนวนเงิน 50,000 บาท ซึ่งตกลงยอมค้ำประกันการชำระหนี้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงและถึงแม้ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม อันทำให้ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วเต็มจำนวนและตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำะหนี้ตามสัญญาดังกล่าวนั้นทันที หมายความถึงรับผิดชำระหนี้จำนวน 50,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยเท่านั้นหาใช่จำเลยยอมรับผิดชำระหนี้แทน ส. ลูกหนี้โดยไม่จำกัดจำนวนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายสมชัยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับโจทก์วงเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยที่ ๘ เป็นผู้ค้ำประกัน ปรากฏยอดหนี้เพียงสิ้นวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๓ เป็นเงิน ๑๖๕,๑๘๙.๕๙ บาท ครั้นวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๔ นายสมชัยถึงแก่กรรม ต่อมาวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๘ นำเงินชำระหนี้ ๕๐,๐๐๐ บาท คงเหลือยอดหนี้เป็นเงิน ๑๒๒,๑๔๖.๕๕ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๘ ผู้ค้ำประกัน และจำเลยที่ ๑ ถึงที่ ๗ ทายาทโดยธรรมของนายสมชัย ต้องร่วมรับผิดชำระให้แก่โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งแปดร่วมกันชำระหนี้ดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้รับทรัพย์มรดกจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ ๘ ให้การว่า จำเลยที่ ๘ ทำสัญญาค้ำประกันจำกัดความรับผิดเพียงต้นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี หลังจากครบสัญญาในวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๒ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้น จำเลยที่ ๘ ชำระเงินต้น ๕๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์แล้ว จึงคงรับผิดเฉพาะดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๒ อัตราร้อยละสิบห้าต่อปีในต้นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ถึงวันฟ้องเป็นดอกเบี้ย ๒๑,๔๗๒.๖๐ บาทเท่านั้น
ก่อนสืบพยาน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ ร่วมกันชำระเงิน ๑๒๒,๑๔๖.๕๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๔ ไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ เฉพาะจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๗ ให้เอาทรัพย์จากกองมรดกของนายสมชัยชำระหนี้
จำเลยที่ ๘ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๘ ร่วมกันรับผิดชำระเงิน ๑๖๐,๑๙๘.๗๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๒ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จโดยให้หักเงิน ๙๐,๐๐๐ บาท ออกจากยอดหนี้ในแต่ละวันที่โจทก์ได้รับชำระด้วย
จำเลยที่ ๘ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ในระหว่างอายุสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ นายสมชัยเป็นหนี้โจทก์อยู่ ๔๘,๑๕๖.๐๗ บาท แต่ในวันเดียวกันนั้นได้เบิกเงินจากโจทก์อีก ๔๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นหนี้โจทก์ ๘๘,๑๕๖.๐๗ บาท ซึ่งเกินวงเงินตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาค้ำประกัน นับแต่นั้นยอดหนี้เบิกเงินเกินบัญชีไม่เคยลดลงต่ำกว่า ๕๐,๐๐๐ บาท ครั้นวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๔ นายสมชัยถึงแก่กรรม ต่อมาวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๘ นำเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท มาชำระให้แก่โจทก์ แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยที่ ๘ จะต้องรับผิดต่อโจทก์เกินจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทหรือไม่ ว่า สัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ ๘ ทำกับโจทก์ ข้อ ๑ มีข้อความว่า “เนื่องในการที่ธนาคารยอมให้นายสมชัย กิติคุณานนท์ ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่าลูกหนี้ เป็นหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๑๙ เป็นจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน) ผู้ค้ำประกันยอมค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้ว จนกว่าจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิง” และข้อ ๒ มีข้อความว่า “ถ้าแม้ว่าลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม อันกระทำให้ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้ตามสัญญาที่กล่าวแล้วเต็มจำนวนและตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวนั้นทันที” ตามสัญญาดังกล่าวเห็นได้ว่า จำเลยที่ ๘ ยอมค้ำประกันการชำระหนี้ของนายสมชัยในการเบิกเงินเกินบัญชีไม่เกินจำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ข้อความที่ว่าจนกว่าธนาคารจะได้รับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงก็ดี และข้อความที่ว่าผู้ค้ำประกันยอมเข้าร่วมรับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญาดังกล่าวนั้นทันทีก็ดี หมายความถึงรับผิดชำระหนี้จำนวนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ตามที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันหาใช่จำเลยที่ ๘ ยอมรับผิดชำระหนี้แทนลูกหนี้โดยไม่จำกัดจำนวนไม่ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ จำเลยที่ ๘ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็จะต้องร่วมรับผิดชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ด้วย
อนึ่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาบัญชีเดินสะพัดเลิกกันแล้วตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๒ โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นตามประเพณีของธนาคารได้ต่อไปอีกโจทก์ไม่ฎีกาโต้แย้งจึงเป็นอันยุติ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๘ ร่วมรับผิดชำระเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี โดยวิธีทบต้นตามประเพณีธนาคาร นับแต่วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๑ ถึงวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๒๒ และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีโดยไม่ทบต้นต่อจากนั้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ให้หักเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ที่โจทก์ได้รับชำระจากจำเลยที่ ๘ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๔ ออกด้วย และลดดอกเบี้ยลงตามส่วน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share