แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทใน ชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก จึงไม่ รับฎีกาข้อ 2 ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกา ข้อนี้
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ตามที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของ ศาลชั้นต้น ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2531 ให้ถือเอาพยานหลักฐานในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 832,1402,1403/2531 ของศาลชั้นต้น เป็นพยานโจทก์ จำเลยในคดีนี้ การที่ศาลในคดีนี้ถือเอาข้อเท็จจริง ในคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ จึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมายเพราะคดีนี้มิใช่คดีแพ่ง ที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ข้อ 2 ของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่า โจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยที่ 1 รบกวนการครอบครองที่ดิน พิพาทของโจทก์อีก คำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาเฉพาะบางข้อดังกล่าว (อันดับ 58)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ศาลได้วินิจฉัยคดีนี้โดยถือ ตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอื่นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงให้รับฎีกา โจทก์ข้อนี้ และดำเนินการต่อไป