แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ ป.วิ.พ. ลักษณะ 2 ศาล หมวด 1 เขตอำนาจศาลได้บัญญัติเกี่ยวกับคำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลว่าให้ฟ้องหรือร้องขอเข้ามาในคดีเดิมได้ตามมาตรา 7 (1) แต่คดีนี้เป็นคดีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ช. และ ซ. เป็นคนไร้ความสามารถ ขอให้สั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ และตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาล มีผู้คัดค้านและผู้ร้องสอดต่างขอให้ตั้งตนเป็นผู้อนุบาลด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ ช. และ ซ. เป็นคนไร้ความสามารถ และตั้งผู้ร้อง ผู้คัดค้านและผู้ร้องสอดเป็นผู้อนุบาลร่วมกัน การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้บังคับ ศ. ซึ่งเป็นผู้ดูแลและรักษาเงินรายได้ของ ซ. ให้ส่งมอบเงินให้ ซ. โดย ศ. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่ได้เป็นคู่ความในคดีและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้อนุบาลแต่อย่างใดว่าไม่ยอมส่งมอบเงินรายได้ของคนไร้ความสามารถ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 นั้น ชอบที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อนุบาลจะไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับ ศ. เป็นอีกคดีต่างหาก คำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่ใช่คำร้องขอที่เสนอภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีนี้ตามบทบัญญัติมาตรา 7 (1) ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอในคดีนี้ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นายชูชีพ และนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณ เป็นคนไร้ความสามารถ โดยให้อยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง ผู้คัดค้าน และผู้ร้องสอดร่วมกัน ต่อมานายชูชีพถึงแก่ความตาย ส่วนนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณคนไร้ความสามารถมีรายได้เป็นเงินสดอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายศุภสิทธิ์ เป็นผู้ดูแลและรักษาเงินรายได้ดังกล่าว ผู้ร้องแจ้งให้นายศุภสิทธิ์มอบเงินดังกล่าวให้แก่นางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณเพื่อใช้จ่ายตามความประสงค์ แต่นายศุภสิทธิ์เพิกเฉย ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งบังคับให้นายศุภสิทธิ์ส่งมอบเงินดังกล่าวให้แก่นางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้นายศุภสิทธิ์ส่งมอบเงินของนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณ คนไร้ความสามารถให้แก่คนไร้ความสามารถได้หรือไม่ เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ 2 ศาล หมวด 1 เขตอำนาจศาล ได้บัญญัติเกี่ยวกับคำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีที่ค้างพิจารณาอยู่ในศาลว่า ให้ฟ้องหรือร้องขอเข้ามาในคดีเดิมได้ตามมาตรา 7 (1) แต่คดีนี้เป็นคดีที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า นายชูชีพ และนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณ เป็นคนไร้ความสามารถ ขอให้สั่งให้บุคคลดังกล่าวเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาล โดยที่มีผู้คัดค้านและผู้ร้องสอดต่างขอให้ตั้งตนเป็นผู้อนุบาลด้วย ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้นายชูชีพและนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณเป็นคนไร้ความสามารถและตั้งผู้ร้อง ผู้คัดค้าน และผู้ร้องสอดเป็นผู้อนุบาลร่วมกัน การที่ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอให้บังคับนายศุภสิทธิ์ ผู้ดูแลและรักษาเงินรายได้ของนางเซี๊ยะอิมหรือพิมลพรรณ คนไร้ความสามารถส่งมอบเงินดังกล่าวแก่คนไร้ความสามารถ โดยนายศุภสิทธิ์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่ได้เป็นคู่ความในคดีและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้อนุบาลแต่อย่างใด การที่นายศุภสิทธิ์ไม่ยอมส่งมอบเงินรายได้ของคนไร้ความสามารถ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 จึงชอบที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้อนุบาลจะไปฟ้องร้องดำเนินคดีนายศุภสิทธิ์เป็นคดีอีกคดีหนึ่งต่างหาก คำร้องขอของผู้ร้องจึงไม่ใช่คำร้องขอที่เสนอภายหลังเกี่ยวเนื่องกับคดีนี้ตามบทบัญญัติมาตรา 7 (1) ดังกล่าวผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอในคดีนี้ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอของผู้ร้องและศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษายืนนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นมิได้สั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและในชั้นฎีกาให้เป็นพับ