แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยฆ่าคนในเรือยนต์แล้วเอาเรือท้ายตัดท้องแบนในเรือใช้เป็นพาหนะหลบหนี ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ ไม่เป็นความผิด
ย่อยาว
จำเลยฆ่าคนในเรือประมงแล้วเครื่องเสีย จำเลยเอาเรือท้ายตัดท้องแบนในเรือหนีไปถูกจับที่เกาะตะรุเตาพร้อมด้วยเรือของกลางนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้ง 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคห้าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ตาม มาตรา 340 ตรีจำเลยที่ 2, 3, 4, 5 ตามมาตรา 340 วรรคห้า ลดโทษตามมาตรา 78 เป็นจำคุกจำเลยทั้ง 5 ตลอดชีวิต โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาอันควรวินิจฉัยเสียด้วยว่า การที่จำเลยทั้งห้าเอาเรือท้ายตัดท้องแบนจากเรือลำเกิดเหตุไปเกาะตะรุเตานั้นจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังได้ว่า การที่จำเลยทั้งห้าเอาเรือท้ายตัดท้องแบนไปนั้นก็เพียงเพื่อใช้เป็นพาหนะหลบหนีไปเท่านั้น มิได้มีเจตนาลักทรัพย์แต่อย่างใด และเกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาข้อมือ ซึ่งตามฟ้องโจทก์ว่าจำเลยร่วมกันปล้นเอาของนายวิฑูรย์กับจ่าเอกลอมไปคนละเรือนนั้น ในชั้นพิจารณาร้อยตำรวจโทสาคะ กิจสาลีพยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อจับกุมจำเลย ยึดได้นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโอเรียลจากจำเลยที่ 2 หนึ่งเรือน และยี่ห้อยูริก้าจากจำเลยที่ 5 หนึ่งเรือน ก็ไม่ปรากฏหลักฐานจากการนำสืบของโจทก์ว่าเป็นของนายวิฑูรย์หรือจ่าเอกลอมจริงหรือไม่ทั้งจำเลยที่ 5 ก็เบิกความโต้แย้งอยู่ว่า เจ้าพนักงานตำรวจยึดเอานาฬิกาข้อมือของตนไป จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยลักเอานาฬิกาข้อมือไปเช่นเดียวกัน”
พิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ยกฟ้องฐานปล้นทรัพย์ ปล่อยจำเลยที่ 2, 3, 4, 5