คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากจำเลยซึ่งมีเงื่อนไขข้อตกลงระบุไว้ในสัญญาเช่าความว่า หากผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า ผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดทรัพย์สินของผู้เช่าได้ และให้มีอำนาจใส่กุญแจอาคารวัตถุแห่งสัญญาเช่าได้ทันทีเมื่อโจทก์ร่วมผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า จำเลยบอกเลิกสัญญาเช่า และต่อมาได้นำเอาโซ่ล่าม ใส่กุญแจปิดทางเข้าออกตึกแถวพิพาทที่ให้เช่าดังนี้ การกระทำของจำเลยสืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วมกระทำผิดสัญญาเช่าดังกล่าวซึ่งให้อำนาจแก่จำเลยที่จะกระทำการตามข้อสัญญาและโดยความยินยอมของโจทก์ร่วมได้จำเลยกระทำไปเพราะเชื่อโดยสุจริตว่า มีสิทธิที่กระทำตามสัญญาได้ การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาอันเป็นความผิดทางอาญาไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท ได้ให้ผู้เสียหายเช่าและครอบครอง จำเลยเข้าไปในตึกแถวดังกล่าว โดยไม่มีเหตุสมควร แล้วเอาโซ่ล่ามใส่กุญแจปิดประตูไม่ให้ผู้เสียหายและบริวารเข้าออก เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหายโดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362

จำเลยให้การปฏิเสธ

ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าตึกแถวพิพาทจากจำเลย ซึ่งมีเงื่อนไขข้อตกลงระบุไว้ในสัญญาข้อ 3 ว่า หากผู้เช่าผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าผู้เช่ายอมให้ผู้ให้เช่ายึดทรัพย์สินของผู้เช่าได้ และให้มีอำนาจใส่กุญแจอาคารวัตถุแห่งสัญญาเช่าได้ทันที ปรากฏว่าโจทก์ร่วมผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า จำเลยได้บอกเลิกสัญญาเช่าและต่อมาได้นำเอาโซ่ล่ามใส่กุญแจปิดทางเข้าออกตึกแถวพิพาทที่ให้เช่า ดังนี้ เห็นว่าการกระทำของจำเลยสืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วมกระทำผิดสัญญาเช่าข้อ 3 และสัญญาเช่าข้อนี้ให้อำนาจแก่จำเลยที่จะกระทำการตามข้อสัญญา และโดยความยินยอมของโจทก์ร่วมได้ กรณีเป็นเช่นนี้ จึงเห็นได้ว่าจำเลยได้กระทำไปเพราะเชื่อโดยสุจริตว่า มีสิทธิที่กระทำตามสัญญาได้ เหตุนี้การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาอันเป็นความผิดทางอาญา การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

พิพากษายืน

Share