คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาซึ่งโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายนั้น ประเด็นโดยตรงแห่งคดีมีแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาทหรือไม่ การที่ศาลล่างกล่าวหาผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยนั้น เป็นเพียงเพื่อจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยเท่านั้น และข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งศาลที่จะพิจารณาคดีส่วนแพ่งจะต้องถือตามนั้นก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีอาญาโดยตรงเท่านั้น เมื่อโจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่าคดีควรฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้ประมาทด้วย ส่วนข้ออื่น ๆรวมทั้งโทษที่ศาลอุทธรณ์วางไว้โจทก์พอใจแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีนี้แต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทชนบุตรโจทก์ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาท จึงชนกับรถของผู้ตายและผู้ตายก็มีส่วนประมาทด้วย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ ให้ลงโทษจำคุก ๒ ปี ปรับ ๕,๐๐๐ บาทโทษจำคุกให้รอไว้ ๓ ปี
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง และผู้ตายก็ได้ประมาทด้วย และเห็นไม่สมควรรอการลงโทษ พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย ๒ ปี โดยไม่รอการลงโทษ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่า คดีควรฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้ประมาทด้วย โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นแต่ประการใด ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นโดยตรงแห่งคดีนี้มีเพียงว่า จำเลยได้กระทำผิดอาญาโดยประมาทหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลล่างกล่าวถึงการกระทำของผู้ตายว่ามีส่วนประมาทอยู่ด้วย ก็เป็นเพียงเพื่อจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยเท่านั้น เมื่อโจทก์พอใจในเรื่องโทษที่ศาลวางไว้แล้วเช่นนี้ การที่จะวินิจฉัยฎีกาโจทก์ต่อไปจึงไม่เกิดประโยชน์แก่คดีนี้แต่อย่างใด การที่โจทก์ฎีกามาเช่นนี้คงเป็นเพราะคำนึงถึงผลในคดีแพ่งที่จะติดตามมา ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงในคดีอาญาอันศาลที่จะพิจารณาคดีส่วนแพ่งจะต้องถือตามนั้น จะต้องเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีอาญาโดยตรงเท่านั้น ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๕๖/๒๔๙๔, ๖๖๑/๒๔๙๘,๗๘๙/๒๔๙๘, ๑๐๐/๒๕๑๕ คู่ความจึงควรที่จะไปโต้แย้งกันในคดีแพ่งที่อาจจะมีขึ้นภายหน้าโดยตรง ดังที่เคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๒๓/๒๔๙๕ วินิจฉัยไว้แล้วศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของโจทก์
ให้ยกฎีกาโจทก์

Share