แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจทำนิติกรรมจำนองที่ดินของตน จำเลยที่ 1 ไปจำนองโดยมีข้อสัญญาด้วยว่าถ้าบังคับจำนองได้เงินน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระขาดอยู่เท่าใด ผู้จำนองและลูกหนี้ยอมรับผิดใช้เงินที่ขาดอยู่นั้นให้จนครบ สัญญาข้อนี้ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เพราะเป็นการที่จำเลยที่ 1 กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไปจากธนาคารโจทก์ภายในวงเงิน 250,000 บาท จำเลยทั้งหกเป็นผู้ค้ำประกันและนำหลักทรัพย์คือที่ดินรวม 45 โฉนดพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างจำนองเป็นประกัน จำเลยยอมให้คิดดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และยอมให้คิดดอกเบี้ยทบต้น ครบกำหนดตามสัญญากู้แล้วจำเลยยังไม่ชำระหนี้ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยไถ่ถอนจำนองแล้วจำเลยก็ไม่ชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนก็ขอให้ศาลสั่งขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองไว้ ถ้าขายได้เงินชำระหนี้ไม่พอ ขอให้สั่งยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำนองไว้กับโจทก์นั้น จำเลยทั้งหกคนเป็นเจ้าของร่วมกันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 จำนองที่ดินค้ำประกันการกู้เงินเบิกเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 จริง แต่มิได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองผูกพันทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ว่า เมื่อขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่พอชำระหนี้ ก็ให้เอาทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์จะบังคับให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 รับผิดด้วยไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ฯลฯ
ชั้นชี้สองสถาน คู่ความรับกันว่าโฉนดที่ 47 ได้ปลอดจำนองแล้วโดยเอาโฉนดที่ 83 เข้ามาแทน แต่โฉนดที่ 83 นี้ไม่ได้จดทะเบียน ยกเว้นหลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 คู่ความขอให้ศาลพิจารณาว่า ตามหนังสือมอบอำนาจ ล.4 ถึง ล.8 นั้นได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับโจทก์ตามสัญญาข้อ 6 แห่งหนังสือสัญญาจำนองหรือไม่ แล้วให้วินิจฉัยชี้ขาดว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6จะต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใดโดยคู่ความไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนจำนองกับโจทก์ตามสัญญาข้อ 6 นั้น เป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจที่ได้รับมอบจะให้ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ได้ ส่วนจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดเต็มตามฟ้องแต่ที่ดินโฉนดเลขที่ 47 ได้ปลอดจำนองแล้ว โดยจำเลยเอาที่ดินโฉนดเลขที่ 83 มาจำนองแทน พิพากษาให้ จำเลยทั้งหกคนร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์ 361,181.71 บาท กับดอกเบี้ยทบต้นในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยทั้งหกคนไม่ชำระหนี้ให้โจทก์หรือชำระไม่ครบถ้วน ก็ให้ขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองโจทก์ไว้เอาเงินใช้ให้โจทก์จนครบ ถ้าขายได้เงินชำระหนี้ไม่พอ ก็ให้ยึดและบังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 เท่านั้น การบังคับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 83 ให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 มีอำนาจจดทะเบียนจำนองยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 733 ก็น่าจะได้ระบุไว้ให้ชัดแจ้งในหนังสือมอบอำนาจ และการคิดดอกเบี้ยทบต้นนั้น คิดได้ถึงเพียงเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดและจำเลยผิดนัดโดยไม่ชำระหนี้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยทบต้นในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2511 และนับแต่นั้นให้คิดดอกเบี้ยธรรมดาในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ และถ้าขายที่ดินกับสิ่งปลูกสร้างได้เงินไม่พอชำระหนี้โจทก์ ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกขายทอดตลาดเอาเงินชำระจนครบ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ได้ทำหนังสือมอบอำนาจ ล.4 ถึง ล.8 ให้แก่จำเลยที่ 1 ไว้ มีข้อความอย่างเดียวกันว่า จำเลยแต่ละคนได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้มีอำนาจจัดการทำนิติกรรมจำนองและจดทะเบียนปลดจำนองที่ดินโฉนดต่าง ๆ รวม 45 แปลง ซึ่งหมายถึงการทำนิติกรรมจำนองและจดทะเบียนการจำนองตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยลักษณะจำนองนั่นเอง เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พุทธศักราช 2478 มาตรา 5 ซึ่งแก้ไขมาตรา 733 เดิมของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในลักษณะจำนองแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนสัญญาจำนองกับโจทก์ตามสัญญาข้อ 6 แห่งหนังสือสัญญาต่อท้ายหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน ล.3 ซึ่งมีข้อความว่า “เมื่อถึงการบังคับจำนองเอาทรัพย์ซึ่งจำนองนี้ขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกับค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วนั้น เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด หรือเมื่อผู้รับจำนองเอาทรัพย์ที่จำนองหลุดและราคาทรัพย์ที่จำนองนี้ต่ำกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระกับค่าอุปกรณ์ดังได้กล่าวนั้นแล้ว เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด ผู้จำนองและลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงินที่ขาดจำนวนนั้นให้แก่ผู้รับจำนองจนครบจำนวน” จึงเป็นการที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำนอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับมอบไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ผู้มอบอำนาจ
พิพากษาแก้ เป็นว่า ถ้าเอาทรัพย์สินซึ่งจำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้ให้โจทก์ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระโจทก์อยู่เงินยังขาดจำนวนอยู่เท่าใด จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่ต้องรับผิดในเงินนั้น นอกจากที่แก้นี้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์