คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1880/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยมาเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วน ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ครั้งแรก จำเลยมาศาลและแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยยังไม่ทราบจำนวนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ต้องชำระเพิ่มเติมและจำเลยยังไม่มีเงินพอที่จะชำระ ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไปก่อนตามคำขอของจำเลย ครั้นถึงวันนัดจำเลยมาศาลและแถลงว่ายังไม่ได้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ต้องชำระเพิ่มเติมเนื่องจากไม่มีเงิน ขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามรูปคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงงดการอ่านคำพิพากษาและส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 7 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ดังนี้ คำแถลงของจำเลยทั้งสองครั้ง เป็นการยอมรับโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยทราบว่าจะต้องชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มเติมจากที่ได้ชำระไปบางส่วนแล้ว เมื่อจำเลยไม่ชำระตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในระยะเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 45573 ตำบลกระทุ่มล้ม อำเภอสามพราน (ตลาดใหม่) จังหวัดนครปฐม ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 15 กันยายน 2538) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินดังกล่าวของโจทก์ ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 เห็นว่า จำเลยมิได้ชำระค่าขึ้นศาลดังกล่าวภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โดยแถลงว่าไม่มีเงิน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จึงมีคำสั่งว่า จำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 7
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกจำเลยมาเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้ครบถ้วน ในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2544 จำเลยมาศาลและแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าจำเลยยังไม่ทราบจำนวนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ที่ต้องชำระเพิ่มเติม และจำเลยยังไม่มีเงินพอที่จะชำระขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไปก่อน โดยจำเลยจะนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระเพิ่มเติมภายใน 15 วัน นับแต่วันดังกล่าว ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 วันที่ 17 พฤษภาคม 2544 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันที่ 17 พฤษภาคม 2544 จำเลยมาศาลและแถลงว่ายังไม่ได้ชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ต้องชำระเพิ่มเติมเนื่องจากไม่มีเงิน ขอให้ศาลพิจารณาสั่งตามรูปคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงให้งดการอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ภาค 7 และส่งสำนวนคืนศาลอุทธรณ์ภาค 7 ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ดังนี้ คำแถลงของจำเลยตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2544 และวันที่ 17 พฤษภาคม 2544 ดังกล่าวเป็นการยอมรับโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยทราบที่จะต้องชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มเติมจากที่ได้ชำระไปบางส่วนแล้ว เมื่อจำเลยไม่ชำระตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควรกำหนด ถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 7 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share