แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เท่าที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าจำเลยเอาตราแสดงกรรมสิทธิ์ของตนตีลงบนท่อนไม้ของผู้อื่นเพื่อเอากรรมสิทธิ์นั้น เมื่อประกอบกับข้อเท็จจริง ซึ่งจะได้ความในชั้นพิจารณาแล้วอาจเป็นเหตุให้เห็นได้ว่า การกระทำดังนี้ เป็นการลักทรัพย์ได้สมควรรับฟ้องไว้พิจารณา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปความ
ย่อยาว
ฟ้องโจทก์มีความว่า วันใดไม่ปรากฏชัด ระหว่างวันที่ 5 ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2487 เวลากลางวัน จำเลยได้มีเจตนาตั้งใจลักท่อนไม้ของนายวงศ์ แสนศิริพันธ์ได้บังอาจใช้ตรา “นั่งได้” อันเป็นตราแสดงกรรมสิทธิ์ในไม้ของจำเลย ตีประทับลงบนท่อนไม้ของนายวงศ์ 10 ท่อนเพื่อแสดงว่าไม้เหล่านั้นเป็นของจำเลย ๆ จะได้นำไปเป็นประโยชน์ของตน แต่บังเอิญถูกจ้างของเจ้าทรัพย์มาพบเข้าจำเลยไม่ทันลักเอาไม้ไป ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามฟ้องนั้นจำเลยยังมิได้ทำการอย่างใดอื่น นอกเหนือไปจากเอาตรากรรมสิทธิ์ตีประทับบนท่อนไม้จะเฉียดใกล้ความผิดฐานลักทรัพย์ก็เพียงว่า จำเลยได้แสดงเจตนาจะลักเท่านั้น ยังไม่พอจะฟังได้ว่า”เป็นการเอาไป” อันเป็นองค์ความผิดฐานลักทรัพย์ และยังไม่เข้าใกล้ชิดถึงขั้นพยายามลักทรัพย์ด้วย พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเท่าที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าจำเลยเอาตราแสดงกรรมสิทธิ์ของตนตีลงบนท่อนไม้เพื่อเอากรรมสิทธิ์นั้น เมื่อประกอบกับข้อเท็จจริงซึ่งจะได้ความต่อไปในชั้นพิจารณา อาจเป็นเหตุให้เห็นว่าการกระทำดังนี้เป็นการลักทรัพย์ได้ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปความ