แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน ผู้ที่จะครอบครองได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้น แม้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจะนำอาวุธปืนนั้นไปจำนำไว้กับจำเลยเองก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าว หากจำเลยยอมรับจำนำไว้แม้โดยสุจริตก็เป็นการไม่บังควรเพราะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกจับกุมดำเนินคดี การที่จำเลยอ้างว่ารับจำนำอาวุธปืนของกลางซึ่งถูกคนร้ายลักไปไว้จาก ต. ซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี และไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน โดยมิได้ขอดูหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของบิดา ต. และรับจำนำไว้ในราคาเพียง 3,500 บาท ทั้งที่จำเลยนำไปขายต่อยังได้ราคาถึง 10,000 บาท แสดงว่าจำเลยรับจำนำไว้ในราคาที่ต่ำผิดปกติและมีพิรุธ ทั้งอาวุธปืนดังกล่าวมีร่องรอยการขูดลบหมายเลขทะเบียนไม่สามารถอ่านได้ แสดงว่าอาวุธปืนดังกล่าวถูกเปลี่ยนมือไปในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงมีการขูดลบหมายเลขทะเบียนเพื่อทำลายหลักฐานส่อให้เห็นว่าจำเลยรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72,72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 335, 357, 371
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 (ที่ถูกมาตรา 357 วรรคแรก) กระทงหนึ่งตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม กระทงหนึ่ง มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง กระทงหนึ่ง รวม 3 กระทง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก18 เดือน ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 12 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องข้อหารับของโจร ส่วนข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและข้อหาพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน และปรับกระทงละ1,000 บาท รวมเป็นจำคุก 12 เดือน และปรับ 2,000 บาท โดยไม่ลดโทษให้อีกโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางของจ่าเอกประสิทธิ์ บ้านเกาะ ผู้เสียหายซึ่งเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานที่บ้านได้ถูกคนร้ายลักเอาไปโดยมีรอยงัดแงะที่ลิ้นชัก ต่อมาพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ จำเลยนำสืบว่าได้รับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวได้จากนายต้นหรือธีระพงษ์ จิตต์กร่าง บุตรเลี้ยงของผู้เสียหาย ซึ่งมาขอกู้เงินจากจำเลย 3,500 บาทบอกว่าบิดาให้มากู้ โดยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของบิดามามอบให้ไว้เป็นประกันเงินกู้ โดยนายเอ เพื่อนบ้านจำเลยซึ่งเป็นเพื่อนกับนายต้นเป็นผู้พานายต้นมาขอกู้เงินจากจำเลย แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินคืนนายต้นไม่นำเงินมาชำระคืนให้แก่จำเลย จำเลยจึงขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นไปในราคา 10,000 บาท เห็นว่า อาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนมีทะเบียนผู้ที่จะครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้นแม้ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนเอกสารหมาย จ.1 จะนำอาวุธปืนดังกล่าวไปจำนำไว้กับจำเลยเองก็ไม่สามารถกระทำได้เพราะจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว หากจำเลยยอมรับจำนำไว้ แม้โดยสุจริตก็เป็นการไม่บังควรเพราะเป็นการเสี่ยงต่อการถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อพิเคราะห์ถึงการที่จำเลยอ้างว่ารับจำนำไว้จากนายต้นซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี และไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน โดยมิได้ขอดูหลักฐานใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนของบิดานายต้นและรับจำนำไว้ในราคาเพียง 3,500 บาท ทั้งที่จำเลยนำไปขายต่อยังได้ราคาถึง 10,000 บาท แสดงว่าจำเลยรับจำนำไว้ในราคาที่ต่ำผิดปกติและมีพิรุธ ยิ่งกว่านั้นผู้เสียหายยังเบิกความยืนยันว่า หลังจากเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้แล้ว ผู้เสียหายได้ตามไปที่สถานีตำรวจและตรวจดูอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว ปรากฏว่าอาวุธปืนมีร่องรอยการขูดลบหมายเลขทะเบียนปืนสอดคล้องกับที่ปรากฏในบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.2 และบัญชีของกลางคดีอาญาเอกสารหมาย จ.6 ที่ต่างระบุไว้ว่าหมายเลขทะเบียนอาวุธปืนของกลางมีร่องรอยขูดลบไม่สามารถอ่านได้ แสดงให้เห็นว่า อาวุธปืนดังกล่าวถูกเปลี่ยนมือไปในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีการขูดลบหมายเลขทะเบียนเพื่อทำลายหลักฐาน พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วส่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกฟ้อง จำเลยข้อหานี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ด้วย ให้จำคุก 6 เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุก 4 เดือน และไม่รอการลงโทษให้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2