คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยบุกรุก ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้ขับไล่จำเลย จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นจำเลย ดังนี้ เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ แม้จะมีคำขอให้ขับไล่รวมอยู่ด้วย ก็เป็นเพียงผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเท่านั้น ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่พิพาทเป็นของใคร จึงถือไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขออันไม่มีทุนทรัพย์แยกกันได้จากคำขอที่เป็นทุนทรัพย์ เมื่อศาอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและที่พิพาทมีราคาไม่เกิน 5,000 บาท คู่ความจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงมิได้(อ้างคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 568/2504)
คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก คดีหลังโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินที่ได้มาจากคดีก่อนเป็นคนละประเด็นไม่เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยต่อสู้ในศาลชั้นต้นว่า ฟ้องเคลือบคลุม แต่มิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นศาลอุทธรณ์ ดังนี้ จะมาอ้างในชั้นศาลฎีกามิได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ปลูกเรือนรุกล้ำที่ดินของโจทก์โดยเจตนาแย่งกรรมสิทธิ์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยรื้อเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไป
จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยคดีโจทก์ขาดอายุความ เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๙ และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ คดีไม่ขาดอายุความ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ และฟ้องไม่เคลือบคลุม
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย และคดีขาดอายุความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและว่าคดีขาดอายุความ ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและเคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และที่พิพาทมีราคา ๓,๐๐๐ บาท แม้จะมีคำขอให้ขับไล่จำเลยและให้รื้อเรือนออกไปจากที่พิพาทรวมอยู่ด้วย ก็ต้องพิจารณาว่าคำขอนั้นแยกจากกันได้หรือไม่ คดีนี้ประเด็นสำคัญของคดีอยู่ที่ว่าที่พิพาทเป็นของใคร ส่วนคำขอให้ขับไล่และรื้อเรือนเป็นเพียงผลต่อเนื่องในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทเท่านั้น เรียกไม่ได้ว่าเป็นคดีมีคำขออันไม่มีทุนทรัพย์แยกกันได้จากคำขอที่เป็นทุนทรัพย์ ถือได้ว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์อย่างเดียว เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามแนวคำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ ๕๖๘/๒๕๐๔
ศาลฎีกาฟังว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความและคดีของโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีแดงที่ ๑๐๑/๒๔๙๙ โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกจากจำเลย แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่พิพาทที่โจทก์ได้รับมาจากคดีก่อนเป็นคนละประเด็น
ส่วนที่จำเลยอ้างว่าฟ้องเคลือบคลุมนั้น จำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙
พิพากษายืน

Share