คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6397/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจจึงนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี 4 เดือน เป็นการคำนวณโทษผิดพลาด ที่ถูกเป็น2 ปี 8 เดือน และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้องศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ เพราะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 336 ทวิ, 357, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7) วรรคสาม 83 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 4 เดือนยกฟ้องข้อหารับของโจร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดตามโจทก์ฟ้องนั้น โจทก์มีนายต้น อุ่นน้อยและนายน้อย คำมามาเบิกความเป็นพยาน แม้ว่าพยาน 2 ปากนี้จะเบิกความว่าจำเลยไม่มีส่วนร่วมกับพยานทั้งสองลักรถจักรยานยนต์ในคดีนี้แต่ในชั้นสอบสวนพยานทั้งสองต่างให้การยืนยันว่าจำเลยได้ร่วมวางแผนในการลักรถจักรยานยนต์ไปขายที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย โดยพยานขับขี่รถจักรยานยนต์ไปคนละคันและจำเลยขับรถยนต์กระบะตามไป เมื่อไปถึงอำเภอแม่สายพยานทั้งสองนำรถจักรยานยนต์ไปขายโดยให้จำเลยไปจอดรถยนต์รออยู่ที่สถานีบริการน้ำมันคอสโม่ เมื่อขายรถจักรยานยนต์ได้แล้วขณะที่พยานเดินกลับมาหาจำเลยก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอแม่สายจับเสียก่อนซึ่งจำเลยทั้งสองให้การรับว่าลักรถจักรยานยนต์มาขายโดยมีจำเลยร่วมด้วยรายละเอียดปรากฏตามคำให้การชั้นสอบสวนของพยานทั้งสองเอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 เจ้าพนักงานตำรวจจึงไปจับจำเลยที่สถานีบริการน้ำมัน และในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเอกสารหมาย จ.11 เห็นว่า เมื่อนายต้นและนายน้อยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับหากจำเลยไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วยก็ย่อมไม่มีเหตุผลอะไรที่นายต้นและนายน้อยจะบอกเจ้าพนักงานตำรวจว่าจำเลยร่วมกระทำผิดด้วยและจอดรถยนต์อยู่ที่สถานีบริการน้ำมันคอสโม่ เพราะไม่ปรากฏว่าพยานทั้งสองเคยมีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกับจำเลยอันจะเป็นสาเหตุให้กลั่นแกล้งจำเลย ทั้งที่ไม่ได้นัดหมายกันไว้ก่อน พยานทั้งสองจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะนั้นจำเลยอยู่ที่ไหนที่จำเลยอ้างว่าให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเพราะกลัวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายนั้น ในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความว่าเห็นสภาพนายต้นและนายน้อยถูกเจ้าพนักงานสอบสวนทำร้ายจึงต้องให้การรับสารภาพ ก่อนจะมีการสอบสวนมีเจ้าพนักงานตำรวจนอกเครื่องแบบบอกให้จำเลยรับสารภาพ มิฉะนั้นจะโดนทำร้ายเช่นเดียวกับนายต้นและนายน้อยนั้น กลับได้ความจากคำเบิกความของนายต้นและนายน้อยว่าได้ให้การรับสารภาพด้วยความสมัครใจไม่ได้ถูกเจ้าพนักงานตำรวจข่มขืนหรือทำร้าย ข้ออ้างของจำเลยดังกล่าวจึงไม่อาจรับฟังได้เชื่อได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจจึงนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้และพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับคำให้การชั้นสอบสวนของนายต้นและนายน้อยแล้วก็เชื่อได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์จริง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
อนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลย 4 ปีลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 4 เดือน เป็นการคำนวณโทษผิดพลาดที่ถูกเป็น 2 ปี 8 เดือน แต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาขอให้ลงโทษให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขให้ถูกต้องได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225
พิพากษายืน

Share