คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1875/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อเป็นผู้ทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานเพียงคนเดียวส่วนพยานอีกคนหนึ่งมาถึงและลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อแล้วประมาณ 5 นาที แม้ว่าขณะนั้นผู้ทำพินัยกรรมและพยานจะยังอยู่พร้อมหน้ากัน ก็ถือว่าพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรของนายมาหรือพรมมา วงศ์วิราช ซึ่งเกิดกับนางติ๊บและต่อมาได้เลิกร้างกันไป นายมาหรือพรมมาจึงมาได้จำเลยที่ ๑ เป็นภรรยา จำเลยที่ ๒ เป็นบุตรติดจำเลยที่ ๑ มาจำเลยที่ ๓ เป็นบุตรของจำเลยที่ ๒ ต่อมาบิดาโจทก์จดทะเบียนหย่าขาดกับจำเลยที่ ๑ แล้วบิดาโจทก์ได้ติดตามไปง้อให้จำเลยที่ ๑ กลับมาอยู่กินเป็นภรรยาต่อไป จำเลยที่ ๑ ถือโอกาสข่มขู่ กำหนดเงื่อนไขให้บิดาโจทก์ยกทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ก่อนบิดาโจทก์จึงยอมทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันดับ ๑ ถึง ๔ กับส่วนหนึ่งของทรัพย์อันดับ ๕ ซึ่งเหลือจากยกให้โจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ การทำพินัยกรรมดังกล่าวจึงมิใช่ความประสงค์ของบิดาโจทก์ไม่มีผลบังคับตามกฎหมายเป็นโมฆะ และไม่มีพยานลงชื่อครบถ้วนตามกฎหมาย บิดาโจทก์ตายแล้ว โจทก์เป็นทายาทตามกฎหมาย ขอให้เพิกถอนพินัยกรรมฉบับดังกล่าว และสั่งว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมเพียงคนเดียวของนายมาหรือพรมมาเจ้ามรดกห้ามจำเลยทุกคนเกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม นายพรมมาทำพินัยกรรมด้วยความเต็มใจและทำต่อหน้าพยานผู้มีชื่อ พยานลงชื่อในพินัยกรรมครบถ้วนตามกฎหมาย โจทก์มิใช่ทายาทตามกฎหมายของนายพรมมา
คู่ความตกลงกันขอสืบพยานนายคณิต ผุสดี พยานร่วมคนเดียวถ้านายคณิตเบิกความว่าผู้ตายทำพินัยกรรมโดยถูกจำเลยที่ ๑ ข่มขู่และพินัยกรรมดังกล่าวมีพยานไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์จะได้ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับ ๔ และ ๕ ไปหากนายคณิตเบิกความไม่สมก็ให้ทรัพย์สินท้ายฟ้องทั้งหมด (เว้นอันดับ ๕ ให้หักให้โจทก์ก่อน ๒ ไร่) ตกแก่ฝ่ายจำเลย พยานอื่นและประเด็นอื่นคู่ความไม่ติดใจสืบต่อไป
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่านายพรมมาทำพินัยกรรมโดยสมัครใจและพยานที่ลงชื่อในพินัยกรรมครบถ้วนตามกฎหมาย พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายพรมมาผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อในพินัยกรรมต่อหน้านายคณิตเพียงคนเดียว ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายพิพากษากลับ ให้โจทก์ได้ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับ ๔และ ๕ ตามคำท้า
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายพรมมาหรือมาลงชื่อเป็นผู้ทำพินัยกรรมต่อหน้านายคณิตผุสดี เพียงคนเดียว เพราะนายคำ วงศ์วิราชผู้ใหญ่บ้านมาถึงและเซ็นชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมภายหลังที่ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงชื่อแล้วประมาณ ๕ นาที แม้ว่าขณะนั้นผู้ทำพินัยกรรมและพยานจะยังอยู่พร้อมหน้ากัน พินัยกรรมนั้นจึงเป็นพินัยกรรมที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕๖ เพราะบทบัญญัติแห่งมาตราดังกล่าวได้บัญญัติไว้ชัดแจ้ง ให้ผู้ทำพินัยกรรมลงชื่อในพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน จำเลยจึงต้องแพ้ตามคำท้า
พิพากษายืน

Share