คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3415/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์รับโอนเช็คพิพาทจาก ส. ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน โดยยอมให้ ส.ยืมมือโจทก์นำเช็คพิพาทมาฟ้องคดีอาญาแก่จำเลย เป็นการรับโอน เช็คพิพาทโดยไม่สุจริต โจทก์ย่อมไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(2)

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คพิพาททั้งสามฉบับลงวันที่ล่วงหน้าให้แก่ ส.เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน ปรากฏว่า ส. ไม่ใช่เจ้าของที่ดินและเจ้าของที่ดินได้โอนขายที่ดินแก่ห้าง ฯ ม. ไปเสียก่อนเช็คถึงกำหนด ส. เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทโจทก์และทำงานอยู่กับบริษัทโจทก์ และนายต่วนกับนายสมบูรณ์พยานโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทโจทก์ก็ได้อยู่รู้เห็นขณะที่ ส. ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับจำเลยทั้งนายสมบูรณ์เป็นกรรมการผู้จัดการห้าง ฯ ม. ด้วย โจทก์ย่อมทราบดีว่าเจ้าของที่ดินได้โอนขายที่ดินแก่ห้าง ฯ ม. ไปแล้ว ส. ไม่อาจดำเนินคดีแก่จำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ส. กู้ยืมเงินโจทก์และนำเช็คพิพาทมาชำระหนี้ แต่โจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทจาก ส.โดยที่มิได้มีหนี้สินต่อกันเพื่อดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย เป็นการรับโอนเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตและยอมให้ ส. ยืมมือโจทก์เพื่อฟ้องคดีอาญาแก่จำเลย โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย และมิได้เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒(๔) จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๘(๒)
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกสำนวน.

Share