คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทราบประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละติดป้ายแสดงราคาไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ขาย และกำหนดราคาขายปลีกห้ามมิให้ขายเกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ คือ ห้ามขายเนื้อแดงเกินกิโลกรัมละ 24 บาทเนื้อสามชั้นกิโลกรัมละ 15 บาท มันแข็งและมันเปลวเกินกิโลกรัมละ 14 บาท จำเลยได้ปิดป้ายไว้โดยเปิดเผยในสถานที่ขายแสดงราคาขายเนื้อแดงกิโลกรัมละ 20 บาท เนื้อสามชั้นกิโลกรัมละ 13 บาทมันแข็งมันเปลวกิโลกรัมละ 12 บาท อันเป็นป้ายแสดงราคาเก่าซึ่งใช้มา 1 ปีเศษแล้ว ตั้งแต่ครั้งที่ทางราชการกำหนดราคาสูงสุดไว้ตามนั้นไม่เปลี่ยนแปลงป้ายตามราคาสูงสุดที่ทางราชการกำหนดใหม่ ดังนี้ ป้ายแสดงราคาขายนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นป้ายแสดงราคาสูงสุดที่ทางการกำหนดไว้ให้ขายได้ เพียงแต่เป็นป้ายแสดงราคาที่จะต้องขายตามราคาที่ปรากฏอยู่ในป้ายที่ปิดแสดงไว้เท่านั้น ก็ถือได้ว่าได้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวแล้ว ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 8(2),17

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควรได้ออกประกาศฉบับที่ 67 ลงวันที่ 25 กันยายน 2516 ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละมีป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละ คือ เนื้อแดงห้ามขายเกินกิโลกรัมละ 24 บาท เนื้อสามชั้นห้ามขายเกินกิโลกรัมละ15 บาท มันแข็งและมันเปลวห้ามขายเกินกิโลกรัมละ 14 บาท โดยติดป้ายไว้ ณ สถานที่ขายในขณะที่เห็นได้ง่ายตามสำเนาประกาศท้ายฟ้องเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2517 เวลากลางวัน จำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว ได้บังอาจขายปลีกสุกรชำแหละเนื้อแดงโดยไม่จัดให้มีป้ายแสดงราคากำกับไว้ตามประกาศดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมเนื้อสุกรชนิดเนื้อแดง 2 กิโลกรัม เครื่องชั่ง 1 เครื่อง เขียง 1 อัน และมีด 1 เล่ม เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8(2), 17 ประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 67) ลงวันที่ 25 กันยายน 2516 ข้อ 4 และริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 มาตรา 8(2), 17ประกาศของคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 67)ลงวันที่ 25 กันยายน 2516 ข้อ 4 จำคุกจำเลยมีกำหนด 15 วัน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 ของกลางไม่ใช่ของอันพึงริบ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56โดยไม่ลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยนี้ได้ทราบประกาศของคณะกรรมการกลาง ป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 67) พ.ศ. 2516 ลงวันที่ 25กันยายน 2516 แล้วว่าผู้ขายปลีกเนื้อสุกรชำแหละจะต้องจัดให้มีป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละติดไว้โดยเปิดเผย ณ สถานที่ขายในลักษณะเห็นได้ง่าย ตามประกาศฉบับนี้กำหนดราคาขายปลีกห้ามมิให้ขายเกินกว่าราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ คือ เนื้อแดงห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ 24.00 บาท เนื้อสามชั้นห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ 15.00 บาท มันแข็งและมันเปลวห้ามขายเกินราคากิโลกรัมละ 14.00 บาท จำเลยเป็นผู้ขายปลีกสุกรชำแหละเนื้อแดง จำเลยได้ปิดป้ายไว้โดยเปิดเผยในสถานที่ขายในลักษณะเห็นได้ง่ายที่ร้านตั้งแต่ครั้งทางราชการกำหนดราคาสูงสุดให้ขายเนื้อแดงได้ไม่เกินกิโลกรัมละ 20 บาท เนื้อสามชั้นไม่เกินกิโลกรัมละ 13.00 บาท มันแข็งมันเปลวไม่เกินกิโลกรัมละ 12.00 บาท อันเป็นป้ายซึ่งใช้มาเป็นเวลา 1 ปีเศษแล้ว และเป็นป้ายที่จำเลยแสดงออกว่าได้ขายในราคาสูงสุดในคราวเดียวกันนั้น จึงแสดงว่าป้ายกำหนดราคาสุกรชำแหละที่ร้านจำเลยเป็นป้ายติดราคาเก่าโดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงป้ายตามราคาสูงสุดที่กำหนดไว้ใหม่ตามประกาศที่โจทก์ฟ้อง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อ 4 ของประกาศคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 67) พ.ศ. 2516 ลงวันที่ 25 กันยายน 2516 มีข้อความว่า “ให้ผู้ขายปลีกสุกรชำแหละจัดให้มี ป้ายแสดงราคาตรงกับชนิดของสุกรชำแหละตามข้อ 2 ข.” ศาลฎีกา โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ป้ายแสดงราคาขายที่ปิดไว้นี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นป้ายแสดงราคาสูงสุดที่ทางการกำหนดไว้ให้ขายได้ เพียงแต่เป็นป้ายแสดงราคาที่จำเลยจะต้องขายตามราคาที่ปรากฏอยู่ในป้ายที่ปิดแสดงไว้เท่านั้น ก็ถือว่าได้ปฏิบัติตามประกาศของคณะกรรมการกลางป้องกันการค้ากำไรเกินควร (ฉบับที่ 67) พ.ศ. 2516 ลงวันที่ 25 กันยายน 2516 ข้อ 4 แล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังขึ้น

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป

Share