คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1425/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทะเลาะกับ ท. ภริยาซึ่งเป็นหลานของผู้เสียหายท.หนีไปอยู่บ้านผู้เสียหายจำเลยไปตาม ท. และจะทำร้าย ท. ผู้เสียหายตบจำเลยบอกให้จำเลยกลับบ้าน และรับปากว่าจะพา ท. ไปส่งที่บ้านจำเลยแต่แล้วก็ไม่พาไปส่ง จำเลยไปบ้านผู้เสียหายอีกพบแต่ภริยาของผู้เสียหายจำเลยโกรธจึงหยิบเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปต่อหน้า โดยบอกแก่ภริยาผู้เสียหายว่า ถ้าจะเอาคืน ก็ให้พา ท. ไปเอาคืนที่บ้าน จำเลยเปิดวิทยุฟังจนถึงบ้าน พอได้ยินเพลงเมียหายต้องตามหา ก็เกิดโมโหเลยทุ่มและกระทืบเครื่องรับวิทยุเสีย ที่จำเลยเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปเช่นนี้มิได้มีเจตนาทุจริตลักเอาเครื่องรับวิทยุนั้น หากแต่เอาไปเพราะความโกรธ จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ลักเครื่องรับวิทยุ 1 เครื่อง ราคา 250 บาท ของนายบัวทอง อั้งลี่ ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาวิทยุ 250 บาทแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 3 เดือนใช้ราคาวิทยุ 250 บาท แก่เจ้าทรัพย์ ส่วนวิทยุของกลางให้คืนจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยไม่มีเถยจิตเป็นโจร พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางคืนผู้เสียหาย

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่รับกันฟังได้ว่า จำเลยได้เอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปจริง คดีมีปัญหาแต่เพียงว่า จำเลยเอาเครื่องรับวิทยุของผู้เสียหายไปโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ ข้อนี้ผู้เสียหายเองก็เบิกความว่า เข้าใจว่า จำเลยเอาวิทยุของผู้เสียหายไปเพราะโกรธผู้เสียหายที่ตบจำเลย และร้อยตำรวจโทสถิตย์ผู้จับจำเลยเบิกความว่า จำเลยบอกว่าโกรธผู้เสียหายที่พาภริยาจำเลยไปไว้ที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยจึงเอาวิทยุไปทุบเสีย ประกอบกับข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวข้างต้น จึงน่าเชื่อว่า เมื่อจำเลยมาตามนางแท้ครั้งหลังไม่พบนางแท้และผู้เสียหาย จำเลยโกรธว่า เมื่อมาตามครั้งแรกผู้เสียหายก็ตบจำเลย และผู้เสียหายก็รับปากไว้ว่าจะพานางแท้ไปส่งที่บ้านจำเลยแต่ก็ไม่พาไปส่งจำเลยจึงเข้าไปหยิบเอาเครื่องรับวิทยุไปโดยบอกแก่ภริยาผู้เสียหายว่า ถ้าจะเอาคืน ก็ให้พานางแท้ไปเอาคืนที่บ้าน จำเลยเอาเครื่องรับวิทยุไปเปิดฟัง พอได้ยินเพลงที่ทำให้ความโกรธพลุ่งขึ้นอีก จำเลยจึงทุ่มและกระทืบเครื่องรับวิทยุเสีย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาทุจริตลักเอาเครื่องรับวิทยุนั้น หากแต่เอาไปเพราะความโกรธ และจะคืนให้เมื่อผู้เสียหายพานางแท้ไปส่งให้จำเลย แต่ภายหลังเมื่อได้ยินเพลงที่ทำให้ความโกรธพลุ่งขึ้นอีก จำเลยจึงทำลายเครื่องรับวิทยุเสีย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share