คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2504

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยกปืนที่พร้อมจะยิงได้จ้องไปทางเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกำลังกอดปล้ำจับกุมพวกของจำเลยโดยเจตนาที่จะยิง แม้ยังมิทันขึ้นนกปืนก็ตามก็เป็นพยายามกระทำความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้วเพราะการลงมือยิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงได้ เล็งไปยังเป้าหมาย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2504)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจมีอาวุธปืนพกใช้ยิงได้คนละกระบอก กับกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้จดทะเบียน และได้บังอาจสมคบกันชกต่อยต่อสู้ขัดขวางและใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงเจ้าพนักงานตำรวจและทหารในขณะเข้าจับกุมจำเลยในข้อหาฐานมีอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต โดยจำเลยเจตนาฆ่า แต่มีเหตุอันพ้นวิสัยที่จะป้องกันได้มาขัดขวางเสีย จำเลยจึงฆ่าบุคคลดังกล่าวไม่สำเร็จสมดังเจตนา

จำเลยทั้งสองให้การรับว่า มีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจริง แต่ปฏิเสธว่ามิได้ต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองได้ลงมือกระทำความผิด คือ จะยิงเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่แล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ ให้จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือนปรับคนละ 2,400 บาท ลดฐานสารภาพให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยคนละ1 เดือน ปรับคนละ 1,200 บาท โทษจำคุกให้รอ คงปรับสถานเดียวและจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 296,289, 80 อีกกระทงหนึ่ง ให้ลงโทษตามมาตรา 289, 80 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกจำเลยคนละ 16 ปีของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรค 2 กระทงเดียว ให้จำคุก 6 เดือนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบด้วยมาตรา 80 และ 138 ให้ลงโทษจำคุกนายประเสริฐจำเลยที่ 2 สิบหกปี

โจทก์และจำเลยที่ 2 ฎีกา

ในระหว่างฎีกา นายวิเชียรจำเลยที่ 1 ถูกยิงตาย คดีคงเหลือนายประเสริฐจำเลยที่ 2 ผู้เดียว

ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษและสั่งริบอาวุธปืนของกลางจำเลยมิได้อุทธรณ์ ความผิดฐานนี้เป็นอันยุติแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น

คดีสำหรับนายประเสริฐจำเลยนั้น พยานโจทก์เห็นตรงกันว่าจำเลยยกปืนจ้องไปทางเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งกำลังกอดปล้ำจับกุมนายวิเชียรพรรคพวกของจำเลย ปืนนั้นบรรจุกระสุนอยู่พร้อมแล้ว แต่ยังมิทันขึ้นนกปืน ดังนี้มีปัญหาว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้วหรือยังศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า จำเลยยกปืนที่พร้อมจะยิงได้เล็งไปยังเป้าหมายโดยเจตนาที่จะยิง เป็นการพยายามกระทำความผิดฐานฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว การที่จำเลยยังไม่ยิงทันทีเพราะเกรงจะถูกพรรคพวกของตนนั้นเป็นแต่จำเลยเลือกโอกาสที่จะยิง หากโอกาสไม่ให้ก็เป็นเหตุขัดขวางที่ทำให้การยิงกระทำไปไม่ตลอด ส่วนการขึ้นนกแล้วสับไก เป็นขั้นสุดท้ายที่ทำให้การยิงสำเร็จ การลงมือยิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่ยกปืนที่พร้อมจะยิงได้เล็งไปยังเป้าหมาย โดยเจตนาที่จะยิง แม้มิทันขึ้นนกปืนเพื่อสับไก ก็เป็นพยายามกระทำผิดแล้ว

ที่จำเลยฎีกาว่า เพียงแต่ทำท่าจะยิง จะงดเสียไม่ยิงก็ได้ข้อนี้เห็นว่า การงดไม่ยิง เป็นการยับยั้งเสียเองไม่กระทำให้ตลอดไปหรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำบรรลุผล เป็นเหตุที่กฎหมายไม่เอาโทษสำหรับการพยายามกระทำผิด มิใช่ว่ายังไม่เข้าเกณฑ์พยายามกระทำผิดแต่เรื่องนี้จำเลยกระทำการยิงเจ้าพนักงานตำรวจไม่สำเร็จ เพราะตำรวจเข้าขัดขวาง โทษของจำเลยในการพยายามกระทำความผิดยังคงมีอยู่ ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษนายประเสริฐจำเลยที่ 2 ฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่มานั้นชอบแล้ว

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีลงโทษนายประเสริฐจำเลยที่ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้จำหน่ายคดีนายวิเชียรจำเลยที่ 1 เสีย

Share