แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องระบุภูมิลำเนาของจำเลย ตามที่ตั้งสำนักงานที่จดทะเบียนพาณิชย์ แม้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 74(2) จะบัญญัติให้ส่งคำคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความได้ แต่ก็ปรากฏว่าจำเลยไม่ได้อยู่ ณ สำนักทำการงานของจำเลยตั้งแต่ก่อนฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ณ สำนักทำการงานของจำเลย จึงน่าเชื่อว่า จำเลยไม่ทราบว่าถูกฟ้อง การที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์ มิได้เป็นการขาดนัดโดยจงใจ.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย กรณีลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้บุตรสาวของโจทก์ที่ 1 ถึงแก่ความตาย นางสาวขวัญใจ นิสสัย และโจทก์ที่ 3 ได้รับบาดเจ็บสาหัส โจทก์ทั้งสามจึงนำคดีมาฟ้อง
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 269,763 บาท 102,000 บาทและ 90,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามลำดับ
จำเลยที่ 2 ร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาคดีนี้ใหม่
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามทางไต่สวนจำเลยที่ 2 นำสืบว่า ก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยที่ 2 อยู่ที่กรุงเทพมหานครค้าขายวัตถุโบราณระหว่างกรุงเทพมหานคร จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดเชียงใหม่ ภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นภูมิลำเนาของสำนักงานใหญ่ที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนพาณิชย์ซึ่งน้องชายจำเลยที่ 2 ให้พลตำรวจประยูร พลายด้วง อาศัยอยู่จำเลยที่ 2 ไม่รู้จักพลตำรวจประยูร จำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าถูกฟ้องคดีนี้เพิ่งทราบเมื่อจำเลยที่ 2 มาที่จังหวัดระนองจึงพบหมายบังคับคดีปิดไว้ที่บ้านดังกล่าว
โจทก์ทั้งสามนำสืบว่า จำเลยที่ 2 จดทะเบีนพาณิชย์โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ตามที่ระบุในฟ้องจนบัดนี้ก็ไม่เคยขอยกเลิก
พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 2 มีสำเนาทะเบียนบ้านมาแสดงเป็นหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1872/6 แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน2520 ส่วนภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ตามฟ้องเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในการประกอบพาณิชยกิจไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74(2) จะบัญญัติให้ส่งคู่ความ ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของคู่ความได้ แต่ก็ปรากฏตามรายงานการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของเจ้าหน้าที่ผู้ส่งหมายของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2527 ว่า ไปส่งหมายให้จำเลยที่ 2 ยังภูมิลำเนาตามฟ้องแต่ไม่พบจำเลย บุคคลในบ้านแจ้งว่าจำเลยไปอยู่จังหวัดทางภาคเหนือประมาณ 3 ปีมาแล้ว และโจทก์ก็แถลงรับว่า ระหว่างเดือนตุลาคม 2527 ถึงเดือนเมษายน 2528 จำเลยที่ 2อยู่จังหวัดสุโขทัยตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 ตุลาคม 2528แสดงว่าตัวจำเลยที่ 2 ไม่ได้อยู่ ณ สำนักทำการงานของจำเลยที่ 2ตั้งแต่วันฟ้อง การที่ศาลชั้นต้นให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ สำนักทำการงานของจำเลยที่ 2 จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2ไม่ทราบว่าถูกฟ้อง การที่จำเลยที่ 2 ไม่ยื่นคำให้การและไม่มาศาลในวันสืบพยานโจทก์มิได้เป็นการขาดนัดโดยจงใจ ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่.