คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

วันเกิดเหตุโจทก์ต้องทำงานกะ เช้า ซึ่งปกติต้องมาทำงานเวลา5 น. แต่โจทก์ไปสาย พนักงานจ่ายงานของจำเลยจึงสั่งให้โจทก์มาทำงานในกะ บ่าย และให้โจทก์ลงชื่อทำงานไว้ในใบลงชื่อทำงานประจำวันงานตอนบ่ายเริ่มเวลา 13.20 น. โจทก์ได้กลับไปบ้านพักของโจทก์ก่อนต่อมาเวลา 11 น.เศษ โจทก์ออกเดิน ทางเพื่อไปทำงานกะ บ่ายโดยขับรถจักรยานยนต์ไป ระหว่างทางรถจักรยานยนต์ของโจทก์ชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้อื่นและโจทก์ขาหัก ดังนี้ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ทำงานตามที่นายจ้างมอบหมาย จะถือว่าโจทก์ได้รับอันตรายแก่ร่างกายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหาได้ไม่ กรณีของโจทก์จึงมิใช่การประสบอันตรายตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของจำเลยและให้จำเลยจ่ายค่าทดแทนให้โจทก์
จำเลยให้การว่าคำวินิจฉัยของจำเลยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าทดแทน
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีหน้าที่เป็นพนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง วันเกิดเหตุโจทก์ไปทำงานในกะเช้าซึ่งปกติจะต้องมาทำงานเวลา 5 นาฬิกาแต่โจทก์ไปสาย และรถประจำทางออกไปปฏิบัติงานหมดแล้ว นายนิตย์ พลายภู่พนักงานจ่ายงานจึงสั่งให้โจทก์มาทำงานในกะบ่ายแทน และให้โจทก์ลงชื่อทำงานไว้ในใบลงชื่อทำงานประจำวัน ซึ่งงานในตอนบ่ายจะเริ่มเวลา 13.20 นาฬิกาโจทก์ได้กลับไปบ้านพักของโจทก์ก่อน ต่อมาเมื่อเวลา 11 นาฬิกาเศษโจทก์ได้ออกเดินทางเพื่อไปทำงานในกะบ่ายดังกล่าวแล้ว โดยขับรถจักรยานยนต์ไป ระหว่างทางรถจักรยานยนต์ของโจทก์ไปชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น โจทก์ได้รับบาดเจ็บขาขวาหัก ข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวมาแล้ว เห็นว่า การที่โจทก์ออกเดินทางจากบ้านพักเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารและประสบอุบัติเหตุรถชนกันในระหว่างเดินทางนั้น โจทก์ยังมิได้เริ่มลงมือทำงานให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซึ่งเป็นนายจ้างแต่อย่างใด แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าพนักงานจ่ายงานได้สั่งให้โจทก์มาทำงานในกะบ่ายและให้โจทก์ลงชื่อทำงานไว้ในใบลงชื่อทำงานประจำวันดังอุทธรณ์ของโจทก์ก็ตามแต่เมื่อโจทก์ยังมิได้ทำงานตามที่นายจ้างได้มอบหมายดังนี้ จะถือว่าโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหาได้ไม่ กรณีของโจทก์จึงมิใช่เป็นการประสบอันตรายตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ 2 โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินทดแทน ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน”.

Share