แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายมาศาลแต่ก็มิได้แจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 199 วรรคแรก กลับปล่อยให้ศาลสืบพยานโจทก์ไปจนหมดแล้วจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลยไม่ได้ เพราะพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 199วรรคแรกแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค 2 ฉบับโดยบรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คฉบับหลัง และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับได้ แม้เช็คฉบับหลังนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ จำกัดสาขาวงเวียนใหญ่ ธนบุรี หมายเลขดี 22-123086 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม2515 สั่งจ่ายเงิน 5,000 บาท และหมายเลขดี 22-002150 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2515 สั่งจ่ายเงิน 5,000 บาท เช็คทั้งสองฉบับนี้เป็นเช็คออกให้แก่ผู้ถือ และจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเงิน วันที่ 11 กรกฎาคม 2515 โจทก์นำเช็คหมายเลขดี 22-123086 ไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่สหธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด สาขาวงเวียนใหญ่ ปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าบัญชีของจำเลยปิดแล้ว การที่จำเลยปิดบัญชีแสดงว่าจำเลยมีเจตนาบิดพลิ้วไม่จ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงิน
จำเลยยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ และสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนสืบตัวจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาทั้งหมดให้รับคำให้การจำเลยไว้ ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคแรก จำเลยจะยื่นคำให้การไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยออกเช็คหมาย จ.1 และ จ.2ให้ไว้ และยังไม่ได้ชำระเงิน พิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้น 10,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในข้อที่ว่าศาลชั้นต้นได้สั่งยกคำร้องที่จำเลยขอให้รับคำให้การจะชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยยื่นคำให้การก็มิได้ยื่นภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้น ย่อมถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับคำให้การจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ให้นัดสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยมาศาล ในกรณีเช่นนี้ถ้าจำเลยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุสมควรประการอื่นที่จำเลยสมควรได้รับอนุญาตให้ยื่นคำให้การ จำเลยชอบที่จะแจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การเพื่อศาลจะได้มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคแรก แต่ทนายจำเลยที่มาศาลเมื่อเริ่มต้นสืบพยานก็หาได้แจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุดังกล่าวแต่ประการใดไม่ กลับปล่อยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จนหมดพยานโจทก์แล้ว จำเลยขอสืบตัวจำเลย ศาลชั้นต้นได้นัดเลื่อนไปสืบตัวจำเลยระหว่างนัดสืบจำเลย จำเลยจึงยื่นคำร้องว่ามีเหตุให้จำเลยสำคัญผิดจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องแจ้งถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การ เมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคแรก แล้ว จำเลยจะมาเถียงว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขอยื่นคำให้การอีกไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องที่จำเลยขอให้รับคำให้การโดยว่ากรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรคแรก นั้น ชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.2 ยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์จะฟ้องเรียกเงินตามเช็คก่อนเวลามิได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 203 วรรคสอง นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา 203 วรรค 2 เพราะฟ้องโจทก์บรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.2 และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คเอกสารหมาย จ.1 ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โดยว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแม้เช็คนั้นยังไม่ถึงกำหนดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลของคำพิพากษา