คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ้อยคำว่า “อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก” ซึ่งจำเลยกล่าวต่อจ่าสิบตำรวจในขณะที่จะเข้าจับกุมจำเลยในข้อหาฐานบุกรุกอันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายเป็นถ้อยคำที่กล่าวสบประมาท เหยียดหยาม และข่มขู่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้น มิให้จับกุมจำเลย อันเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว และมิใช่เป็นเพียงการประท้วงการกระทำของเจ้าพนักงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองโดยไม่มีเหตุอันสมควรและไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้ ได้บังอาจร่วมกันเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางล้วน นางล้วนได้ไล่ให้จำเลยทั้งสองออกจากบ้านแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ยอมออกไป และจำเลยที่ ๑ได้บังอาจกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นจ่าสิบตำรวจประกิจ เจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอโคกสำโรง ซึ่งจะจับกุมจำเลยที่ ๑ในข้อหาว่าบุกรุกเคหสถาน อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย ว่า”อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก” ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖, ๓๖๔, ๓๖๕, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานบุกรุกแต่จำเลยที่ ๑ ไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพราะถ้อยคำที่จำเลยที่ ๑ กล่าว ไม่เป็นถ้อยคำที่ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๔, ๓๖๕, ๘๓
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีปัญหาเพียงว่าถ้อยคำที่จำเลยที่ ๑ กล่าวต่อจ่าสิบตำรวจประกิจในขณะที่จะเข้าจับกุมจำเลยทั้งสองในข้อหาฐานบุกรุก อันเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายว่า”อ้ายจ่า ถ้ามึงจับกู กูจะเอามึงออก” เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่และเห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวสบประมาท เหยียดหยาม และข่มขู่จ่าสิบตำรวจประกิจมิให้จับกุมจำเลย อันเป็นการดูหมิ่นจ่าสิบตำรวจประกิจ เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่แล้ว มิใช่เป็นการประท้วงการกระทำของจ่าสิบตำรวจประกิจดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ อีกกระทงหนึ่ง ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้คงพิพากษายืน

Share