คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายมาศาลแต่ก็มิได้แจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 199 วรรคแรก กลับปล่อยให้ศาลสืบพยานโจทก์ไปจนหมดแล้วจะมายื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลยไม่ได้ เพราะพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามมาตรา 199 วรรคแรกแล้ว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค 2 ฉบับโดยบรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้ว จำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คฉบับหลัง และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คฉบับแรกไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยว่าบัญชีเงินฝากธนาคารของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้ง 2 ฉบับได้ แม้เช็คฉบับหลังนั้นจะยังไม่ถึงกำหนดชำระตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 959 และ 989

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ จำกัดสาขาวงเวียนใหญ่ ธนบุรี หมายเลขดี ๒๒-๑๒๓๐๘๖ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ สั่งจ่ายเงิน ๕,๐๐๐ บาท และหมายเลขดี ๒๒-๐๐๒๑๕๐ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๑๕ สั่งจ่ายเงิน ๕,๐๐๐ บาท เช็คทั้งสองฉบับนี้เป็นเช็คออกให้แก่ผู้ถือและจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายเงิน วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ โจทก์นำเช็คหมายเลขดี ๒๒-๑๒๓๐๘๖ ไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่สหธนาคารกรุงเทพฯจำกัด สาขาวงเวียนใหญ่ ปฏิเสธการจ่ายเงิน อ้างว่าบัญชีของจำเลยปิดแล้วการที่จำเลยปิดบัญชีแสดงว่าจำเลยมีเจตนาบิดพลิ้วไม่จ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วจำเลยเพิกเฉยขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเงิน
จำเลยยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับและสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนสืบตัวจำเลย จำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาทั้งหมดให้รับคำให้การจำเลยไว้ศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๙ วรรคแรก จำเลยจะยื่นคำให้การไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยออกเช็คหมาย จ.๑ และ จ.๒ ให้ไว้ และยังไม่ได้ชำระเงินพิพากษาให้จำเลยใช้เงินต้น ๑๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในข้อที่ว่าศาลชั้นต้นได้สั่งยกคำร้องที่จำเลยขอให้รับคำให้การจะชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือไม่นั้นศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยยื่นคำให้การก็มิได้ยื่นภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทั้งมิได้แจ้งเหตุขัดข้องต่อศาลภายในกำหนดเวลาเช่นว่านั้นย่อมถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๗ ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่รับคำให้การจำเลย ต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้นัดสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยมาศาลในกรณีเช่นนี้ถ้าจำเลยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุสมควรประการอื่นที่จำเลยสมควรได้รับอนุญาตให้ยื่นคำให้การ จำเลยชอบที่จะแจ้งให้ศาลทราบเสียก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การเพื่อศาลจะได้มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๙ วรรคแรก แต่ทนายจำเลยที่มาศาลเมื่อเริ่มต้นสืบพยานก็หาได้แจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุดังกล่าวแต่ประการใดไม่กลับปล่อยให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จนหมดพยานโจทก์แล้ว จำเลยขอสืบตัวจำเลย ศาลชั้นต้นได้นัดเลื่อนไปสืบตัวจำเลยระหว่างนัดสืบจำเลยจำเลยจึงยื่นคำร้องว่ามีเหตุให้จำเลยสำคัญผิดจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาและรับคำให้การจำเลย ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยได้ยื่นคำร้องแจ้งถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายอนุญาตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๙๙ วรรคแรก แล้ว จำเลยจะมาเถียงว่าไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขอยื่นคำให้การอีกไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องที่จำเลยขอให้รับคำให้การโดยว่ากรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๙๙ วรรคแรก นั้น ชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.๒ ยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์จะฟ้องเรียกเงินตามเช็คก่อนเวลามิได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๐๓ วรรคสองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีไม่ต้องด้วย ป.พ.พ. มาตรา ๒๐๓ วรรค ๒ เพราะฟ้องโจทก์บรรยายว่าทวงถามให้จำเลยชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ยอมชำระเงินให้โจทก์ ในชั้นพิจารณาจำเลยก็เบิกความปฏิเสธหนี้ตามเช็คเอกสารหมาย จ.๒ และปรากฏว่าโจทก์นำเช็คเอกสารหมาย จ.๑ ไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยปิดแล้ว แสดงว่าธนาคารผู้จ่ายได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยต่อไปแล้ว โจทก์ย่อมฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแม้เช็คนั้นยังไม่ถึงกำหนดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๕๙ และ ๙๘๙
ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลของคำพิพากษา

Share