คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2874/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายทำเอกสารไว้ มีข้อความว่า “กระผม พระรัตน์ โอภาโสขอมอบถวายท่านเจ้าคุณพระสมุทรเมธาจารย์ เรื่องทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มีอยู่ในขณะเป็นพระนี้ทั้งหมดห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด” ไม่มีข้อความตอนใดแสดงให้เห็นว่าเป็นการแสดงถึงเจตนาของผู้ตายในการกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินให้เกิดผลบังคับเมื่อได้ถึงแก่ความตายไปแล้วเลย จึงมิใช่พินัยกรรมคงเป็นเพียงหนังสือยกทรัพย์ให้ในระหว่างมีชีวิตเท่านั้น การที่ระบุห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาดเป็นข้อความเขียนห้ามไว้ตามธรรมดา เพราะได้ยกให้ไปแล้วจะแปลเลยไปถึงว่ามีความหมายเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะให้เกิดผลบังคับเมื่อตายหาได้ไม่
โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามพินัยกรรม จำเลยย่อมมีสิทธิปฏิเสธในเรื่องพินัยกรรมที่เป็นมูลฟ้อง อันเป็นการปฏิเสธเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า พระรัตน์ โอภาโส หรือรัตน์ บุญเนตร และจำเลย เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๒๕๓ พระรัตน์ โอภาโส มรณภาพแล้วได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกคือที่ดินดังกล่าวเฉพาะส่วนของพระรัตน์ โอภาโส ให้แก่โจทก์โจทก์มอบอำนาจให้นางบรรจง ภู่ภักดี เป็นผู้จัดการแบ่งแยกออกจากส่วนของจำเลย จำเลยบิดพลิ้วและเพิกเฉย จึงขอให้พิพากษาและบังคับให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๘๒๕๓ แก่โจทก์ หรือแก่เจ้าพนักงานที่ดิน ถ้าไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยยอมให้โจทก์ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวเฉพาะส่วนและทำการรังวัดแบ่งแยกส่วนของโจทก์ได้ทันที
จำเลยให้การว่า พระรัตน์ โอภาโส ทำพินัยกรรมยกที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ไม่เป็นความจริง ตามกฎหมายพระภิกษุไม่มีสิทธิที่จะทำพินัยกรรมยกให้แก่ผู้ใด ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยไม่เคยโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์ยังไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง และเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เอกสารหมาย จ.๒ ที่โจทก์อ้างว่าเป็นพินัยกรรมเป็นเพียงหนังสือแสดงเจตนายกให้ มิใช่เป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของตน ไม่เป็นพินัยกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายโจทก์ไม่มีสิทธิรับมรดก จึงไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เอกสารหมาย จ.๒ ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นพินัยกรรมของพระภิกษุรัตน์ โอภาโส มีข้อความว่า “กระผม พระรัตน์ โอภาโสขอมอบถวายท่านเจ้าคุณพระสมุทรเมธาจารย์ เรื่องทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มีอยู่ในขณะเป็นพระนี้ทั้งหมด ห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด” ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นการแสดงถึงเจตนาของพระรัตน์ โอภาโส ในการกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินให้เกิดผลบังคับ เมื่อได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วเลย จึงมิใช่พินัยกรรมคงเป็นเพียงหนังสือที่พระรัตน์ โอภาโสทำยกทรัพย์ให้พระสมุทรเมธาจารย์โจทก์ทันทีระหว่างมีชีวิตการที่ระบุห้ามมิให้ญาติผู้ใดมาเกี่ยวข้องด้วยโดยเด็ดขาด ก็เป็นข้อความเขียนห้ามไว้ตามธรรมดาเพราะได้ยกให้ไปแล้วจะแปลเลยไปถึงว่ามีความหมายเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะให้เกิดผลบังคับได้เมื่อตาย หาได้ไม่
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยมิใช่ทายาทของพระรัตน์ โอภาโส ผู้ทำพินัยกรรม ไม่มีสิทธิโต้แย้งเกี่ยวกับพินัยกรรมนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามพินัยกรรม จำเลยย่อมมีสิทธิปฏิเสธในเรื่องพินัยกรรมที่เป็นมูลฟ้อง อันเป็นการปฏิเสธเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ได้
พิพากษายืน

Share