คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิของผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริตย่อมไม่เสียไป แม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330และแม้ผู้ร้องยึดถือ น.ส.3 ก. สำหรับที่ดินดังกล่าวโดยชอบ เมื่อไม่ยอมมอบต่อศาล ศาลก็มีอำนาจสั่งให้นายอำเภอออกใบแทนน.ส.3 ก. สำหรับที่พิพาทเพื่อจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลให้ชำระหนี้แก่โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์ ช. เป็นผู้ซื้อที่ดิน น.ส.3 ก. ของจำเลยได้ ศาลชั้นต้นมีหนังสือแจ้งนายอำเภอให้ทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้แก่ ช. แต่นายอำเภอแจ้งต่อศาลว่าที่ดินตาม น.ส.3 ก. ดังกล่าวจำเลยได้โอนขายให้ น. ไปแล้วต่อมาน.จดทะเบียนขายให้ผู้ร้อง น.ส.3 ก. สำหรับที่ดินดังกล่าวอยู่กับผู้ร้อง ศาลชั้นต้นแจ้งให้ผู้ร้องส่ง น.ส.3 ก. ต่อศาล ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นบุคคลภายนอก ชอบที่ ช. จะฟ้องเป็นคดีต่างหากเพื่อบังคับเอา น.ส.3 ก. จากผู้ร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อำเภอออกใบแทน น.ส.3 ก. ให้แก่ ช.

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ช. เป็นผู้ซื้อที่พิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลโดยสุจริต สิทธิของ ช. ย่อมไม่เสียไป แม้ภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ดังนั้นแม้ผู้ร้องยึดถือ น.ส.3 ก. สำหรับที่ดินดังกล่าวโดยชอบ เมื่อไม่ยอมมอบต่อศาล ศาลก็มีอำนาจสั่งให้นายอำเภอออกใบแทน น.ส.3 ก. สำหรับที่พิพาทเพื่อจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งได้

พิพากษายืน

Share