คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2093/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องเป็นผู้รับซื้อที่ดินของจำเลยได้จากการขายทอดตลาดเป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยลูกหนี้ตามคำพิพากษาขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินซึ่งผู้ร้องซื้อไว้ ผู้ร้องชอบที่ไปฟ้องร้องเป็นคดีต่างหาก จะใช้สิทธิขอบังคับในคดีนี้ไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งหกไม่ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์จึงร้องขอให้ศาลชั้นต้นที่ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24867 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนอง และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดและประกาศขายทอดตลาดปรากฏว่านายจุมพล ฐานสุนทรกฤต ตัวแทนของนางประนอม โลจนเศรษฐ ผู้ร้องประมูลได้ ได้รับโอนโฉนดที่ดินดังกล่าวแล้วแต่จำเลยยังไม่ได้ขนย้ายเครื่องจักรที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้และโจทก์ขอถอนการยึดแล้วออกไปจากที่ดิน ขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 มาสอบถามเพื่อขนย้ายเครื่องจักรดังกล่าวออกไปจากที่ดินของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยที่ 2 แล้วแถลงว่าไม่ยอมขนย้ายออกไปเพราะจำเลยที่ 2 ได้ยื่นอุทธรณ์ว่าการขายทอดตลาดเป็นโมฆะไว้ ขอให้รอศาลอุทธรณ์ตัดสินก่อน หรือมิฉะนั้น ขอเวลาขนย้าย 5 เดือนผู้ร้องแถลงว่าจำเลยจงใจที่จะไม่รื้อถอน ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในวันเดียวกันให้จำเลยรื้อถอนเครื่องจักรออกไปภายในวันที่ 21 กันยายน 2514 ห้ามเข้าเกี่ยวข้อง หากพ้นกำหนดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องจะได้พิจารณาออกหมายจับหรือกำหนดการอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อมาวันที่ 20 กันยายน 2514 จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร้องว่าไม่อาจขนย้ายเครื่องจักรออกไปภายในกำหนดที่ศาลสั่ง ขอเวลารื้อถอนออกไปอีก 4 เดือน และวันที่ 22 กันยายน 2514 ผู้ร้องร้องว่าจำเลยที่ 2 ไม่ขนย้ายเครื่องจักรออกไป กลับขนของและบริวารเข้าไปทำงานในโรงงานและที่ดินของผู้ร้อง ขอให้ออกหมายจับศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม ถึงวันนัด ผู้ร้องมาศาลฝ่ายเดียว ศาลชั้นต้นเห็นว่าศาลได้กำหนดเวลาให้จำเลยขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินของผู้ร้องภายในวันที่ 21 กันยายน 2514 ครบกำหนดก็ไม่ออก ศาลได้เลื่อนเวลานัดพร้อมมาอีก 2 ครั้ง จนถึงวันนัดนี้จำเลยก็ยังไม่ขนย้าย จึงเห็นสมควรกำหนดเวลาให้จำเลยขนย้ายเครื่องจักรออกไปจากที่ดินของผู้ร้องอีกครั้งหนึ่งมีกำหนด 15 วันนับแต่วันทราบคำสั่ง พ้นกำหนดถ้ายังไม่ขนย้ายก็ให้ผู้ร้องมีอำนาจขนย้ายเองได้โดยคิดค่าใช้จ่ายจากจำเลยที่ 2 ในการขนย้ายให้ผู้ร้องแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจไปเป็นสักขีพยานด้วย

จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ผู้มีอำนาจขอให้บังคับคดีได้คือ คู่ความหรือบุคคลผู้เป็นฝ่ายชนะ(เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอาจเป็นโจทก์หรือจำเลยหรืออาจเป็นบุคคลนอกซึ่งร้องสอดเข้ามาในคดีก็ได้ แต่ผู้ร้องเป็นผู้รับซื้อที่ดินของจำเลยได้จากการขายทอดตลาดเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ไม่มีสิทธิบังคับคดีนี้ได้ การที่ผู้ร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยขนย้ายเครื่องจักรออกจากที่ดินซึ่งผู้ร้องซื้อไว้จากการขายทอดตลาดของศาล และศาลชั้นต้นมีคำสั่งบังคับจำเลยจึงไม่ชอบ ผู้ร้องชอบที่จะต้องไปดำเนินคดีฟ้องร้องกันเป็นคดีต่างหากจะใช้สิทธิขอบังคับในคดีนี้ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share