คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป. ลูกจ้างของจำเลยได้ขับรถยนต์ของจำเลยไปปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้าง แล้วขับรถกลับเพื่อจะนำไปเก็บยังที่เก็บรถของจำเลย ระหว่างทาง ป. ได้มอบให้ อ.ลูกจ้างของจำเลยอีกคนหนึ่งขับรถยนต์คันดังกล่าวไปเก็บยังที่เก็บแทน แล้วเกิดเหตุชนรถจักรยานยนต์ของโจทก์เสียหายด้วยความประมาทของ อ. ถือได้ว่าขณะเกิดเหตุชนกันเป็นการกระทำของลูกจ้างจำเลยในทางการที่จ้าง จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน8 ข -8724 ของโจทก์ที่ 2 โดยมีนายเสวกนั่งซ้อนท้ายพอไปถึงบริเวณประตูทางเข้าวัดสระเกศ ก็ได้มีผู้ขับขี่รถยนต์หมายเลขทะเบียน 8 ข -2159ของจำเลยและเป็นลูกจ้างขับไปในทางการที่จ้างของจำเลยแล่นสวนทางมาลูกจ้างจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังแล้วเลี้ยวขวาอย่างกระทันหันเพื่อเข้าประตูวัดสระเกศ ตัดหน้ารถจักรยานยนต์คันที่โจทก์ที่ 1 ขับเป็นเหตุให้รถยนต์คันที่ลูกจ้างจำเลยขับขี่ชนรถจักรยานยนต์โจทก์ที่ 1 ขับขี่ได้รับความเสียหายโจทก์ที่ 1 กับนายเสวกได้รับบาดเจ็บสาหัสการกระทำของผู้ขับขี่รถยนต์จำเลยดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 และที่ 2จำเลยในฐานะเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ทั้งสองด้วย ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงิน 130,000 บาทแก่โจทก์ที่ 1 และชำระเงิน 20,000 บาทแก่โจทก์ที่ 2 พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 1 จะเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน 8 ข-8724 หรือไม่ และโจทก์ที่ 2 จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหรือไม่ จำเลยไม่รับรอง ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำละเมิด ไม่ได้ระบุชื่อผู้กระทำละเมิด จำเลยจึงไม่ทราบว่าลูกจ้างจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ดังกล่าวหาไว้ในฟ้องหรือไม่และข้อที่โจทก์เรียกค่าเสียหายขาดประโยชน์จากการประกอบอาชีพในระหว่างรักษาพยาบาลและอนาคตโจทก์ไม่บรรยายว่า โจทก์มีอาชีพอะไรและมีรายได้วันละเท่าใด โจทก์เรียกมาลอย ๆ ฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุม รถยนต์ของจำเลยไม่เคยชนรถของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 34,586 บาท(น่าจะเป็น 34,568 บาท) แก่โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 10,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามทางพิจารณาคดีได้ความตามที่จำเลยนำสืบรับว่านายเป้าคนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์ของจำเลยไปรับบุตรของนายจิตติกรรมการผู้จัดการบริษัทฯจำเลยไปส่งที่บ้าน แล้วนำรถกลับไปเพื่อเก็บยังที่เก็บรถที่ถนนพหลโยธินแต่ในระหว่างทางนายเป้าได้มอบให้นายอาคมซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยอีกคนหนึ่งขับรถยนต์ของจำเลยไปเก็บยังที่เก็บรถแทน แล้วเกิดเหตุชนกับรถจักรยานยนต์ของโจทก์ที่ 2 ซึ่งโจทก์ที่ 1 ขับขี่ไป ดังนี้ แม้ขณะเกิดเหตุนายเป้าลูกจ้างจำเลยจะไม่ได้ขับขี่รถของจำเลยเอง แต่การขับขี่รถไปเก็บยังที่เก็บรถของนายอาคมด้วยการมอบหมายของนายเป้า ก็ต้องอยู่ในความรับผิดชอบของนายเป้าจึงถือได้ว่าขณะเกิดเหตุชนกันเป็นการกระทำของลูกจ้างจำเลยในทางการที่จ้าง จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างพิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

Share