แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีความผิดฐานรับของโจรนั้น โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้มีคนร้ายลักกระบือ ๓ ตัวของนายชุบ นายกิมใช้ และนางสาวต่อมไป ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยกระบือของกลาง ทั้งนี้ โดยจำเลยกับพวกที่หลบหนีได้บังอาจสมคบและร่วมกันลักเอาไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้น จำเลยได้บังอาจรับเอากระบือทั้งสามตัวได้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของได้มาโดยการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕,๓๕๗
จำเลยให้การภาคเสธ ต่อมาจำเลยขอให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือน ข้อหาฐานลักทรัพย์ให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดียังมีเหตุให้สงสัย สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่า จำเลยรับกระบือนั้นไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิด ไม่ใช่ว่าเมื่อปรากฎว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์นั้น จำเลยก็ต้องสืบแก้ตัวว่าตนไม่รู้ว่าเป็นของร้าย การนำสืบของโจทก์ยังไม่พอฟังว่าจำเลยได้รู้เช่นนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์