แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1(ตัวแทน) จำเลยที่ 2(ตัวการ) ร่วมกันและแทนกันใช้เงินค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อไปจากโจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เท่านั้นใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยส่วนฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสีย จำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้องอีกหาได้ไม่ต้องถือว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์คงฎีกาได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนช่างกลปทุมวัน อยู่ในสังกัดและบังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรมหนึ่งในกระทรวงศึกษาธิการได้ซื้อสายไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ ไปจากโจทก์ซึ่งเป็นบริษัทจำกัด เพื่อใช้ในกิจการของโรงเรียนช่างกลปทุมวันรวม 2 ครั้ง เป็นเงิน 88,600 บาท จำเลยที่ 1 ชำระราคาให้โจทก์แล้วเพียง 38,000 บาท คงค้างชำระอีก 50,600 บาท ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันใช้เงินที่ค้างชำระแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธความรับผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้เงินตามฟ้องแก่โจทก์ ส่วนฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสีย
จำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันและแทนกันใช้เงินตามฟ้องของโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์ฟ้องขอให้รับผิดร่วมกันและแทนกันกับจำเลยที่ 2 แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดด้วยแต่อย่างใด และให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 เสียนั้น หากโจทก์ยังติดใจให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันตามฟ้องอยู่อีกโจทก์ก็ต้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นขึ้นมาด้วย การที่โจทก์ไม่อุทธรณ์โดยเห็นว่าสมความมุ่งหมายของโจทก์พอแล้วดังที่กล่าวในฎีกาก็ต้องถือว่าโจทก์ยอมให้คดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจนถึงที่สุดไปแล้วตามกระบวนความ โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาในชั้นนี้อีกหาชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้ไม่ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้ร่วมต้องรับผิดร่วมกันและแทนกัน เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้นเชิง จำเลยที่ 1 ก็ยังคงผูกพันอยู่จนกว่าจะได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นเชิงนั้น กรณีจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้ฟ้องเป็นคดีขอให้ศาลบังคับแก่จำเลยที่ 1 เช่นนั้นแล้ว คดีจะมีผลให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดเช่นนั้นหรือไม่ก็ย่อมต้องเป็นไปตามกระบวนความ กล่าวคือ โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 1ไม่ต้องรับผิดร่วมกันและแทนกันแล้วตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยไม่อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษานั้น คดีสำหรับจำเลยที่ 1 ก็เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว ฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวถึงจำเลยที่ 1 จึงรับพิจารณาให้ไม่ได้
ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงแล้วพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์