คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1863/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำนองที่ดินเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของโจทก์และ ก. ที่มีต่อจำเลยทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะ ต่อมาโจทก์กับพวกร่วมกันกู้เงินจำเลยไปอีก การจำนองดังกล่าวย่อมเป็นประกันหนี้ที่โจทก์กับพวกร่วมกันกู้ไปจากจำเลยด้วยการที่สัญญากู้นั้นมิได้ระบุให้เอาที่ดินตามสัญญาจำนองเป็นประกัน โดยระบุแต่ที่ดินอื่นเป็นประกัน ก็เป็นเพียงการเพิ่มเติมหลักประกันให้มั่นคงขึ้นเท่านั้นหาได้ลบล้างข้อสัญญาตามสัญญาจำนองไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และนายกำจร หงษ์ขจร ได้ร่วมกันกู้ยืมเงินไปจากโจทก์ โดยนำที่ดินรวม 71 โฉนดจดทะเบียนจำนองเป็นประกันเงินกู้รวม 4 ฉบับเป็นเงินรวม 412,000 บาท โจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยแล้วบางส่วน ต่อมาโจทก์ขอชำระหนี้ที่เหลือภายในกำหนด จำเลยไม่ยอมรับชำระหนี้และไม่ยอมไถ่ถอนจำนองอ้างว่าโจทก์ยังเป็นหนี้อีกหลายรายการไม่น้อยกว่าสามล้านบาท ขอให้บังคับจำเลยรับชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 465,995 บาทและให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินที่รับจำนองไว้จากโจทก์
จำเลยให้การว่า นอกจากโจทก์กับนายกำจรได้กู้เงินจำเลยตามฟ้องแล้ว โจทก์ยังได้ร่วมกับนายกำจรและนายพิชัย กรสุธาทิพย์กุล กู้เงินไปจากจำเลยอีก 11 ครั้ง รวมเป็นต้นเงิน 3,695,250 บาทการจำนองที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องเป็นประกันเงินกู้ซึ่งโจทก์และนายกำจรมีอยู่กับจำเลยทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะ เป็นเงิน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ที่โจทก์ขอชำระหนี้ตามสัญญาเพียง 4 ฉบับ จึงยังจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองให้ไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นแห่งคดีมีตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ว่า โจทก์จดทะเบียนจำนองที่ดินตามฟ้องเป็นประกันหนี้เงินกู้จำนวนที่โจทก์ยื่นฟ้อง หรือตามจำนวนที่จำเลยให้การต่อสู้ ได้ความจากทางนำสืบของทั้งสองฝ่ายว่าสัญญาจำนองดังกล่าวคือเอกสารหมาย จ.3 ทำกันไว้เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2520โจทก์จำนองในวงเงิน 1,500,000 บาท ก่อนที่โจทก์กับพวกจะกู้เงินตามฟ้อง 4 ครั้งคือเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.7 และก่อนที่โจทก์กับพวกจะกู้เงินตามคำให้การจำเลย 11 ครั้ง คือเอกสารหมาย ล.1ถึง ล.11 และหนี้ทั้งสิบเอ็ดครั้งหลังนี้ยังไม่มีการชำระกันแต่อย่างใด ฉะนั้นเมื่อปรากฏตามสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.3 ว่าจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ของโจทก์และนายกำจรที่มีต่อจำเลยทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะมีขึ้นในภายหน้าทุกลักษณะย่อมหมายความว่าสัญญาจำนองต้องประกันหนี้ทั้งหลายที่โจทก์ไปทำขึ้นเองหรือทำร่วมกับพวกต่อจำเลยนั้นด้วย นั่นคือประกันหนี้เงินกู้ตามจำนวนที่จำเลยให้การต่อสู้ด้วยนั่นเอง การที่สัญญากู้นั้นๆ มิได้ระบุให้เอาที่ดินตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นประกันก็ดี ระบุแต่ที่ดินอื่นเป็นประกันก็ดี ก็เป็นเพียงการเพิ่มเติมหลักประกันให้มั่นคงขึ้นเท่านั้น หาได้ลบล้างข้อสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 ไม่ แม้โจทก์จะชำระหนี้บางส่วนตามฟ้อง ก็ยังไม่ทำให้โจทก์หลุดพ้นจากหนี้จำนองโจทก์จึงไม่มีสิทธิจะขอให้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินรายนี้ได้
พิพากษายืน.

Share