แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทย์ฟ้องว่า โจทย์ได้เปนภรรยานายยอด และมีบุตรกับนายยอดคน ๑ ชื่อนางสาวทอง กับมีโฉนดและที่นา ตำบลทุ่งบ้านคลองน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาอยู่แห่ง ๑ แต่ฝ่ายนายยอดได้เอาไปทำกินกัยจำเลยซึ่งเปนภรรยาของนายยอดอีกคน ๑ และทั้งเอานางสาวทองไปอยู่กับนายยอดด้วย บัดนี้นายยอดตาย จำเลยไม่ส่งนางสาวทอง และไม่คืนที่นากับน่าโฉนดรายนี้ให้แก่โจทย์ ๆ จึงฟ้องเรียก ฯ
จำเลยให้การต่อสู้ว่า ที่นาและน่าโฉนดเปนของจำเลย ฯ
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า ที่นาและน่าโฉนดรายนี้นายยอดได้ซื้อเมื่อได้กับโจทย์แล้ว ทั้งตัวนางสาวทองก็ได้กลับคืนไปอยู่กับโจทย์แล้วอีกด้วย จึงไม่ต้องวินิจฉัยคำขอของโจทย์เรื่องเรียกนางสาวทองข้อเท็จจริงได้ความดังนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิพากษาว่าให้ประมูลที่นารายนี้ ฤาขายทอดตลาด แล้วให้แบ่งสมรสออกเปน ๓ ส่วน แบ่งให้โจทย์ ๑ ส่วน ให้ได้แก่นายยอด ๒ ส่วน ๆ ของนายยอดให้แบ่งเปนมรฎก ๒ ภาคภรรยา ๑ ให้ได้แก่โจทย์จำเลยคนละเท่า ๆ กัน อีกภาค ๑ ให้ได้แก่บุตรนายยอดซึ่งเกิดแต่โจกย์จำเลยคนละส่วนเท่า ๆ กัน แต่บุตรที่เกิดจากจำเลยนั้นได้ความว่ามีอยู่ ๖ คน ยังไม่ปรากฎชื่อ จึงให้เก็บส่วนได้ของบุตรนายยอดที่เกิดกับจำเลยไว้ก่อน เมื่อบุตรนั้นมาขอจึงให้รับไปเปนราย ๆ ให้ชักค่าธรรมเนียม และค่าทนายโจทย์ จำเลยฝ่ายละ ๑๒ บาท ๕๐ สตางค์ออกจากกองมรฎกนายยอดก่อน แล้วจึงแบ่งตามคำพิพากษา ฯ
โจทย์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษเห็นว่า แม้นายยอดจะได้ซื้อนาเมื่อมาได้กับโจทย์แล้วก็ดี แต่ได้เอาเงินเดิมของโจทย์ซึ่งได้มรฎกนายหริ่มสามีเก่ามาซื้อเปนราคา ๔๐๐ บาท คดีจะนับว่านารายนี้เปนสมรศตามกฎหมายมิได้ เพราะได้ซื้อมาจากเงินเดิมของโจทย์ นาต้องเปนสินเดิมตามต้นเงินเดิม จำเลยไม่มีอำนาจยึดสินเดิมของโจทย์ไว้ได้ จึงพิพากษาให้จำเลยมอบที่นาและน่าโฉนดให้โจทย์ และให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมแทนโจทย์ด้วย ฯ
จำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายฎีกา ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและปฤกษาคดีนี้ เห็นว่าที่นารายวิวาทนี้มีสินเดิมของโจทย์ปนอยู่ตามต้นเงินที่ซื้อ ๔๐๐ บาท ก่อนจะแบ่งสมรศระหว่างโจทย์กับนายยอด ต้องหักสินเดิมให้แก่โจทย์เสียก่อนจึงจะชอบด้วยกฎหมาย คำพิพากษาศาลล่างยังบังคับคดีคลาดเคลื่อนอยู่ จึงพิพากษาแก้ใหม่ดังนี้
(๑) ให้โจทย์ จำเลยประมูลราคากัน ฤาขายทอดตลาดเอาราคา ๔๐๐ บาทเปนเกณฑ์ตั้งขึ้นก่อนว่าจะมีผู้ใดให้มากกว่าราคานี้ ฯ
(๒) ถ้าไม่มีผู้ใดให้ ก็ให้คงที่นาเปนสินเดิมของโจทย์ทั้งหมด ให้จำเลยคืนให้แก่โจทย์ตามบังคับของศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ ฯ
(๓) ถ้าขายได้ราคามากกว่า ๔๐๐ บาทขึ้นไปเท่าใด ให้หักทุน ๔๐๐ บาทใช้สินเดิมให้แก่โจทย์เสียก่อน เงินเหลือจากนั้นเท่าใดให้แบ่งตามที่ศาลจังหวัดตัดสินไว้ ฯ
(๔) ค่าธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้ต่างฝ่ายเปนภัพไป ฯ
วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓