คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1857/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ของวัดพริก ผู้แทนของวัดพริกคือเจ้าอาวาสวัดพริกที่จะเป็นผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนวัดเท่านั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3) หากเจ้าอาวาสของวัดไม่ฟ้องคดีเองโดยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นฟ้องแทนบุคคลผู้รับมอบหมายไม่มีอำนาจฟ้องแทนเพราะไม่มี กฎหมายบทใดบัญญัติไว้ว่าในคดีอาญาให้ผู้แทนมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้แทนได้อีก ทั้งจะยก ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพาณิชย์ อนุโลมใช้บังคับไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้พระภิกษุสงวน ขันติโก เจ้าอาวาสวัดพริกได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้นายฉุย ธูปประสมดำเนินคดีฟ้องจำเลยเป็นความอาญาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายอาญา มาตรา 304, 314, 71

จำเลยปฏิเสธข้อหาโจทก์

ศาลจังหวัดสิงห์บุรีพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 304, 314 ให้รวมลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าผู้มีอำนาจฟ้องคดีอาญาแทนวัดคือเจ้าอาวาส แต่พระภิกษุสงวนเจ้าอาวาสวัดพริกมิได้ฟ้องคดีเองโดยมอบอำนาจให้นายฉุยฟ้องคดีแทนเช่นนี้ ไม่มีสิทธิที่จะมอบหมายให้ฟ้องแทนกันได้ เทียบตามคำพิพากษาฎีกาที่ 892/2499 ระหว่างนายเคียกเกียแซ่จึง โจทก์ นายโบ๊ แซ่จึง จำเลย โดยที่อำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาแล้ว ปรากฏว่าวัดพริกเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(3) บังคับว่าบุคคลที่จะจัดการแทนผู้เสียหายได้คือผู้แทนของวัดพริกซึ่งได้แก่พระภิกษุสงวนเจ้าอาวาส ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติไว้ว่าในคดีอาญาให้ผู้แทนมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้แทนได้อีก ไม่เหมือนกับคดีแพ่งโดยที่สิทธิฟ้องคดีอาญา มีบัญญัติไว้แล้วในคดีอาญา จึงยกประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอนุโลมมาใช้บังคับไม่ได้ ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 579/2488 ระหว่างนางขำ สาสูงเนิน โจทก์นายเจิมกับพวกจำเลย จึงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share