คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1848/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยที่ 2 นายจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกซึ่งจำเลยที่ 1 ขับประจำ เข้าร่วมในกิจการของบริษัทจำเลยที่ 3 บริษัทจำเลยที่ 3 ย่อมอยู่ในฐานะเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 3 ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นนายจ้าง มิใช่ในฐานะตัวการฉะนั้น การที่จำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุโอนการครอบครองรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ตามสัญญาเช่าซื้อ โดยไม่บอกกล่าวให้จำเลยที่ 4 ผู้รับประกันภัยทราบ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 วรรคสอง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่วมกันชำระเงิน 400,000 บาท กับดอกเบี้ยให้โจทก์ เฉพาะจำเลยที่ 4 ให้รับผิดจำนวน 110,000 บาท จำเลยที่ 4 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้ง 4 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยที่ 4 ฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทน จำเลยที่ 3 จึงต้อง รับผิดด้วยเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ปัญหาข้อนี้ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ โดยเห็นว่าจำเลยที่ 4 อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 3 เป็นเพียงผู้ว่าจ้างรถบรรทุกจากจำเลยที่ 2 บรรทุกสินค้า จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์อุทธรณ์ดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ที่มิได้โต้แย้งคัดค้านในข้อหานี้ จึงต้องฟังตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดร่วมด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยที่ 4 อุทธรณ์ดังกล่าว เป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งปัญหาข้อนี้โดยตรงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 3 เพราะจำเลยที่ 3 เป็นผู้ว่าจ้างรถบรรทุกจากจำเลยที่ 2 บรรทุกสินค้า การที่ศาลอุทธรณ์ มิได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ได้ความตามที่โจทก์จำเลยนำสืบตรงกันว่าเดิมรถบรรทุกเป็นของจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 2 เช่าซื้อจากจำเลยที่ 3 แล้วจำเลยที่ 2 นำรถยนต์บรรทุกที่เช่าซื้อเข้าร่วมบรรทุกสินค้าในนามของบริษัทจำเลยที่ 3โดยบริษัทจำเลยที่ 3 เป็นผู้เก็บรายได้และรายจ่ายผลประโยชน์ให้จำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์บรรทุกในทางการที่จ้างขณะรถเกิดชนกัน ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยที่ 2 นำรถยนต์บรรทุกเข้าร่วมในกิจการของบริษัทจำเลยที่ 3 บริษัทจำเลยที่ 3 ก็อยู่ในฐานะเป็นนายจ้างจำเลยที่ 1 ด้วย จำเลยที่ 3ต้องร่วมรับผิดในฐานะเป็นนายจ้าง หาใช่ในฐานะตัวการไม่ เมื่อจำเลยที่ 3 ผู้เอาประกันภัยยังต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดอยู่ด้วยแล้ว การที่จำเลยที่ 3ผู้เอาประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุโอนการครอบครองรถยนต์ให้จำเลยที่ 2 ตามสัญญาเช่าซื้อโดยไม่บอกกล่าวการโอนให้จำเลยที่ 4 ทราบ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 พ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875 วรรคสอง”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดในค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นเฉพาะทุนทรัพย์ 110,000 บาท และร่วมรับผิดในค่าทนายความในศาลชั้นต้นเป็นเงิน 2,200 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share