คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1845/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทซึ่งติดกับตึกแถวของจำเลยจากโจทก์ แล้วจำเลยทุบผนังห้องตึกแถวที่ติดกันออกโดยได้รับความยินยอมจากโจทก์เพื่อประโยชน์ของฝ่ายจำเลย ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยว่าผิดสัญญาเช่าขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่าและค่าเสียหายจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวที่เช่าและส่งมอบตึกแถวคืนโจทก์ สภาพเรียบร้อย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวพิพาทให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยกับให้จำเลยชำระค่าเสียหายจนกว่าจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวและส่งมอบตึกแถวคืนโจทก์ จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ การที่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เหตุผลแห่งคำวินิจฉัยตอนหนึ่งว่า “ที่ศาลชั้นต้นใช้คำว่าส่งมอบตึกแถวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย จึงน่าจะหมายความว่า จำเลยมีหน้าที่ทำผนังตึกแถวของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมก่อนที่จะมีการทุบทำลายออกเพื่อประโยชน์ของจำเลยตามข้อตกลงท้ายสัญญา” แล้วพิพากษายืนเช่นนี้ เป็นการอธิบายความหมายของคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมมิให้มีปัญหาในชั้นบังคับคดี ตามคำพิพากษาเท่านั้น แม้จำเลยจะมิได้ขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่เกินคำขอแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวจากโจทก์ ระหว่างสัญญาจำเลยทุบฝาผนังกั้นห้องระหว่างตึกแถวสามชั้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเช่าและค่าเสียหายเป็นเงิน 134,700 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อเดือน นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นรายเดือน เดือนละ 13,000 บาท จนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากตึกแถวที่เช่าและส่งมอบตึกแถวคืนให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวพิพาท และส่งมอบตึกแถวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 13,000 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากตึกแถวและส่งมอบตึกแถวคืนโจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า “…ที่ศาลชั้นต้นใช้คำว่าส่งมอบตึกแถวให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย จึงน่าจะหมายความว่าจำเลยมีหน้าที่ทำผนังตึกแถวของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิมก่อนที่จะมีการทุบทำลายออกเพื่อประโยชน์ของจำเลยตามข้อตกลงท้ายสัญญา” นั้น เป็นการอธิบายความหมายของคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมมิให้มีปัญหาในชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาเท่านั้นจึงสอดคล้องกับที่โจทก์ฟ้องและมีคำขอข้อ 1 ตอนท้ายว่า… และส่งมอบตึกแถวให้โจทก์ในสภาพเดิมเรียบร้อย หรือข้อ 2 ตอนท้ายว่า… และส่งมอบคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม ซึ่งมีความมุ่งหมายให้จำเลยก่อสร้างผนังตึกแถวพิพาทส่วนที่จำเลยทุบทำลายไปให้คืนสู่สภาพเดิมด้วย แม้จำเลยจะมิได้ขอให้ศาลอธิบายคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ตาม คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนนี้จึงไม่เกินคำขอแต่อย่างใด คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นเงิน 2,000 บาท แทนโจทก์.

Share