แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นนายแพทย์ทำการรีดลูกโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัล เหตุเกิดขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา แต่ขณะศาลพิพากษานั้น มีประมวลกฎหมายอาญาใช้แล้ว จำเลยจึงมีผิดเพียงตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.261 ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษทวีขึ้นอีก 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.262 โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในการกระทำความผิดคือ ประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา ม.262 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความใน ม.3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนายแพทย์และทำการรีดลูกนายฉวี พุ่มซ้อน ให้แท้งความยินยอมของนางฉวี โดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลเป็นเงิน ๖๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๒๖๑, ๒๖๒
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๖๑ ให้จำคุก ๓ เดือน แต่โดยที่จำเลยเป็นนายแพทย์จึงให้ลงโทษทวีขึ้นตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๒๖๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นจำคุก ๔ เดือน ส่วนยาและเครื่องเวชภัณฑ์นั้นทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่าจำเลยได้นำมาใช้ในการทำผิดรายนี้จึงให้คืนแก่จำเลยไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยทำการรีดลูก พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยซึ่งเป็นนายแพทย์ได้ทำการรีดลูกนางฉวี โดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลจริงดังโจทก์ฟ้อง
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๖๑ ให้จำคุกจำเลย ๓ เดือน ในข้อที่โจทก์ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๖๒ โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดคือ ประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา ม.๒๖๒ จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความในประมวลกฎหมายอาญา ม. ๓ ไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น ส่วนยาและเครื่องเวชภัณฑ์ ทางพิจารณาไม่ได้ความชัดว่า จำเลยได้นำมาใช้ในการกระทำผิด จึงให้คืนแก่จำเลยไป