แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พินัยกรรมที่มีข้อความเป็นคำสั่งกำหนดให้ทรัพย์มรดกตกได้แก่บุตรชายทุกคนนั้น มีผลใช้ได้ตามกฎหมายส่วนข้อห้ามที่กำหนดไม่ให้แบ่งแยกทรัพย์นี้ออกไปเลยเป็นอันขาดนั้น ขัดต่อกฎหมายใช้บังคับไม่ได้ เพราะผู้เป็นเจ้าของทรัพย์ย่อมมีสิทธิใช้สอย จำหน่ายและขอแบ่งทรัพย์นั้นได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 และ 1363 พินัยกรรมดังกล่าวจึงไม่เสียไปทั้งฉบับ
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ขุนนันทพานิชบิดาโจทก์จำเลยมีบุตรรวม 14 คนขุนนันทพานิชทำพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 26 กันยายน 2469 แต่พินัยกรรมดังกล่าวได้ยกเลิกไปโดยเหตุที่ขุนนันทพานิชจำหน่ายทรัพย์ในพินัยกรรมหมดไปแล้ว จึงฟ้องขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกออกเป็น 14 ส่วน ให้โจทก์ 4 คน ๆ ละ 1 ส่วน ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า ทรัพย์ตามหมายเลข 1 เป็น ทรัพย์ของมารดาจำเลย ฯลฯ และตัดฟ้องว่า (1) พินัยกรรมของขุนนันทพานิชฉบับลงวันที่ 26 กันยายน 2469 ยังเป็นผลบังคับได้ตามกฎหมายโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยเอาทรัพย์ตามรายการบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข 1 – 2 – 3 -5 และ 7 เฉพาะเงิน 5,000 บาท ซึ่งอยู่ที่นางพลอยจำเลยเอามาแบ่ง โดยเอาทรัพย์หมายเลข 1 – 2 – 3 – 5 ออกประมูลระหว่างทายาท ถ้าไม่ตกลงเอาออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดเอามารวมกับเงิน 5,000 บาทแล้วแบ่งเป็น 14 ส่วน ให้โจทก์ได้คนละ 1 ส่วน ค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายให้เป็นพับ
จำเลยทั้ง 3 คนแต่ฝ่ายเดียวอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้ง 3 ฎีการวม 3 ข้อ คือ (1) ทรัพย์หมายเลข 1 เป็นของนางบัวทิพย์ตกได้แก่บุตร (จำเลย) (2) พินัยกรรมฉบับลงวันที่ 26 กันยายน 2469 มีผลบริบูรณ์ใช้บังคับได้ (3) เงิน 5,000 บาทที่นางพลอยจำเลยให้นายวินัยโจทก์ที่ 2ยืมไปนั้น เท่ากับนายวินัยโจทก์ได้รับส่วนมรดกของผู้ตายไปแล้ว ชอบที่จะได้หักกลบลบกันไป
ศาลฎีกาวินิจฉัยฎีกาของจำเลยโดยลำดับดังนี้
ข้อ 1 ฟังว่าทรัพย์หมายเลข 1 เป็นทรัพย์ของผู้ตาย
ข้อ 2 พินัยกรรมดังกล่าวมีข้อความเป็นคำสั่งของผู้ตายว่าทรัพย์ของผู้ตายทั้งหมดที่มีอยู่หรือที่จะมีต่อไปข้างหน้าเมื่อผู้ตาย ๆ แล้ว ให้ตกแก่บุตรของผู้ตายที่เป็นชายทุกคนนั้นมีผลใช้ได้ตามกฎหมาย ถือได้ว่าทรัพย์สินตกเป็นของทายาทซึ่งเป็นชายตามพินัยกรรมแล้ว โดยเป็นเจ้าของรวมมีส่วนเท่า ๆ กัน ข้อกำหนดที่ว่า ห้ามไม่ให้แบ่งแยกทรัพย์นี้ออกไปเลยเป็นอันขาดนั้น เห็นว่าตามกฎหมายผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินย่อมมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1336 และเจ้าของรวมคนหนึ่ง ๆ มีสิทธิให้แบ่งทรัพย์สินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1363 การที่พินัยกรรมห้ามไม่ให้แบ่งแยกทรัพย์ออกจากกันเลยตลอดไปเช่นนั้น เป็นการขัดกับกฎหมาย จึงใช้บังคับไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ในคดีนี้เว้นแต่นางสาวประคองศรีย่อมมีสิทธิขอ แบ่งทรัพย์มรดกรายนี้ได้ เพราะตามพินัยกรรมให้ทรัพย์ตกได้แก่บุตรผู้ตายที่เป็นชายเท่านั้นส่วนบุตรหญิงไม่มีส่วนได้รับมรดก นางสาวประคองศรีโจทก์จึงไม่มีสิทธิแบ่ง
ข้อ 3 เห็นว่าเงิน 5,000 บาท นางพลอยจำเลยต้องรับผิดเป็นส่วนตัว จะให้หักกับส่วนที่นายวินัยโจทก์จะรับมรดกไม่ได้
พิพากษาแก้ว่า เฉพาะนางสาวประคองศรีโจทก์ไม่มีสิทธิจะฟ้องขอแบ่งส่วนมรดกรายนี้ คงให้โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 รับส่วนแบ่งจากทรัพย์มรดกดังกล่าวตามวิธีการที่ศาลทั้งสองพิพากษามา คนละ 1 ใน 14 ส่วน (ตามขอ) ฯลฯ