แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเป็นผู้อาศัยจำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของจำเลย โจทก์เป็นผู้อาศัย ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใครโจทก์ย่อมนำสืบว่าเรือนเป็นของโจทก์เพราะครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้วได้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายข้อเท็จจริงในฟ้องถึงการได้มาซึ่งเรือนพิพาท ก็ย่อมนำสืบเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ได้ หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยก็ชอบที่จะขอร้องต่อศาลในชั้นชี้สองสถานและให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
โจทก์ได้ซื้อเรือนพิพาทจากบิดามารดาจำเลย และโจทก์ได้ครอบครองมานานกว่า 10 ปีแล้วแม้การซื้อขายจะขัดกับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และ 1299 หรือไม่ก็ตาม แต่โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว
ข้อนำสืบของโจทก์จะหักล้างข้อสันนิษฐานซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่า เรือนพิพาทเป็นของโจทก์และห้ามจำเลยซึ่งเป็นผู้อาศัยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยต่อสู้ว่าเรือนนั้นเป็นของจำเลย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังต้องกันว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
(1) คดีนี้ โจทก์ฟ้องอ้างว่าเรือนพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยเป็นผู้อาศัย จำเลยเถียงว่าเรือนเป็นของตน ประเด็นจึงมีว่าเรือนเป็นของใคร และศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่า แม้เดิมเรือนหลังนี้เป็นของบิดามารดาจำเลย ๆ ขายให้แก่โจทก์ แม้การขายจะไม่ได้ทำให้ถูกต้อง โจทก์ก็ครอบครองมานานกว่า 10 ปี จึงฟังได้ว่าเรือนเวลานี้เป็นของโจทก์ แม้ข้อเท็จจริงเหล่านี้โจทก์ไม่ได้บรรยายในคำฟ้องก็ดี เพราะข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นถ้อยคำพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำฟ้อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายไว้ในคำฟ้อง หากจำเลยเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์ยังไม่ชัดแจ้ง จำเลยชอบที่จะร้องขอต่อศาลในชั้นชี้สองสถาน และให้ศาลสอบถามโจทก์ให้ได้ความชัดขึ้นตาม มาตรา 183 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(2) ข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่า ได้ซื้อที่จากมารดาจำเลยนั้นการซื้อขายรายนี้ขัดต่อ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และมาตรา 1299 หรือไม่ก็ตาม ไม่สำคัญ เพราะโจทก์ไม่ใช่ว่าได้กรรมสิทธิ์โดยบทกฎหมายทั้งสองนี้ แต่ได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ต่างหาก ส่วนที่จำเลยว่า ข้อนำสืบของโจทก์ไม่เพียงพอจะหักล้างข้อสันนิษฐานอันเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้วนั้นเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามมาตรา 248 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน